Documentation of Oct 6

นันทวัชน์ ธรรมเทิดไท

ผู้หญิง –                       ช่วยกรุณาแนะนำตนเอง พูดเข้าไมค์ตลอด แนะนำชื่อ สถานะปัจจุบันและก็ย้อนไปถึง 2519 ว่าทำอะไรในช่วงนั้นจากนั้นก็เริ่มให้การ

คุณนันทวัช –                ผมนันทวัชน์  ธรรมเทิดไท ขณะนี้ทำงานเป็นผู้จัดการโรงงานอยู่บริษัท ชีวีแท็ค สมุทรปราการ คุณจะขอเอาเหตุการณ์เริ่มก็แล้วกัน ตอนนั้นเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ อมธ.  เป็นประธานฝ่ายกีฬา ในกรณีที่เกี่ยวกับการเข้ามามีส่วนร่วมโดยทั่วไปก็มีส่วนร่วมที่จะเรียกร้องประชาธิปไตย ก็คงจะเหมือนกับนักศึกษาทั่ว ๆ ไป สำหรับที่จะเข้ามามีส่วนร่วมพิเศษนิดหนึ่งก็คือตรงที่ว่าในช่วงค่ำของราว ๆ วันที่ 5 ก็จะมีการเรียกประชุมกันของหน่วยรักษาความปลอดภัย ผมเอาโดยที่เป็นนักศึกษาธรมศาสตร์คล้าย ๆ  เป็นเจ้าของพื้นที่ก็ถูกเรียกเข้าไปด้วยก็เลยมีโอกาสที่จะเข้าไปร่วมกับทางหน่วยรักษาความปลอดภัย อย่างไรก็แล้วแต่คนที่เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นอาชีวะกลุ่มอาชีวะเพื่อประชาชนเขาเองก็เป็นตัวหลัก สำหรับผมเองก็ในฐานะที่เป็นเจ้าของพื้นที่ก็ให้ดูด้านหลังตึกโดมส่วนด้านหน้าเป็นหอประชุมใหญ่ ก็จะเป็นกลุ่มอาชีวะเพื่อประชาชนมนคืนวันนั้นจริง ๆ แล้วหลังจากมีการประชุมกัน เข้าใจว่าเรื่องอาวุธอาจจะเป็นประเด็นที่หลายคนคงจะให้ความสนใจในการประชุมเท่าที่เห็นในวันนั้นก็จะมีปืนอยู่ราว ๆ 20 กว่ากระบอก เป็นปืนยาว จะมีอยู่ 2 กระบอก คือปืนลูกซอง 5 นัดกับปืนลูกซองธรรมดา นอกนั้นก็จะเป็นปืนสั้นซึ่งโดยทั่วไปก็จะเป็นปืนที่เขาเรียกว่าซื้อมาอย่างถูกต้อง

อ.ใจ –                         เวลาทีการประชุมของหน่วย รปภ. ตอนนั้นมีการพูดคุยกันถึงนโยบายการใช้ปืนไหมครับ

คุณนันทวัชน์ –              นโยบายการใช้ปืนเข้าใจว่าไม่ได้เน้น เพราะว่าจริง ๆแล้วเราก็พอจะรู้อยู่ว่าปืนของเราก็อย่างที่บอกที่ได้เห็นกับตาจริง ๆ คือ มีอยู่ 2 กระบอก เอง และส่วนใหญ่ก็เป็นปืนสั้น ซึ่งก็คงไปทำอะไรไม่ได้มากมาย

อ.ใจ –                         ปืนมีไว้ทำไมครับ

คุณนันทวัชน์ –               จริง ๆ คือไว้ป้องกันตัว

อ. ใจ  –                       OK

คุณนันทวัชน์ –              ในคืนนั้นทางกลุ่มธรรมศาสตร์ซึ่งจริง ๆ ก็มีไม่กี่คนก็ได้รับมอบหมายให้ดูทางด้านหลังตึกโดม ที่ติดกับริมน้ำ ทางผมกับเพื่อน ๆ ก็เปลี่ยนกันเข้าเวร ดูที่ประตูท่าพระอาทิตย์ กับท่าพระจันทร์ ผมเองจะอยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งจำไม่ได้ว่าเป็นใคร เฝ้าอยู่ที่ประตูท่าพระอาทิตย์จนถึงประมาณเที่ยงคืน ก็เปลี่ยนเวรกัน ก็ขึ้นไปนอนที่ตึก อมธ.

อ.ใจ –                        ตอนอยู่ประตูท่าพระอาทิตย์ก่อนเที่ยงคืนมีตำรวจอยู่ที่ประตูไหม

คุณนันทวัชน์ –              เข้าใจว่าไม่มีจนกระทั่งใกล้ ๆ จะเช้าแล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาเป็นปืนออโตที่ยิงเข้ามา

อ. ใจ –                      ตอนนั้นคุณอยู่ที่ใหน

คุณนันทวัชน์ –              ผมนอนที่ตึก อมธ. พอได้ยินชุดแรกก็เอ๊ะอาจจะไม่มีอะไรก็นอนต่อ ตอนนั้นพอมีอีกชุดหนึ่งก็มีความรู้สึกว่าอาจจะไม่ดีแล้ว ก็เลยเดินกลับลงมาตรงประตูท่าพระอาทิตย์ใหม่

อ. ใจ –                      ประมาณกี่โมง

คุณนันทวัชน์  –             ผมเข้าใจว่าประมาณตี 5 พอจะเห็นอะไรบ้างขณะที่เดินไปเฝ้าอยู่ตรงนั้นผมเข้าใจว่าผมเดินอยู่ราวอาจจะไม่ถึงประตูท่าพระอาทิตย์อาจจะเดินอยู่แถวตึกรัฐศาสตร์หรือว่าตึก เศรษศาสตร์ กลัวก็เฝ้าอยู่ระยะหนึ่งก็เห็นเข้าใจว่าน่าจะเป็นตำรวจเพราะมันไกล ก็สลับฟันปลามาตรงประตูท่าพระอาทิตย์ ผมก็เดินถอยมาตรงตึกเศรษฐศาสตร์

อ. ใจ –                      เห็นตำรวจวิ่งมาที่ประตูท่าพระอาทิตย์

คุณนันทวัชน์ –              ครับ

อ.ใจ –                        แต่งเครื่องแบบสีอะไร

คุณนันทวัชน์ –              คือเนื่องจากว่าเห็นไม่ชัดแต่ความรู้สึกตอนนี้เป็นตำรวจ

อ.ใจ –                       ถืออาวุธไหมครับ

คุณนันทวัชน์ –              ถือปืนยาวแล้วก็วิ่งสลับฟันปลา และก็หลังจากที่วิ่งมาแล้วก็จะแอบตัวทางนอกประตูทางตรงนั้นประตูก็ปิดอยู่ ก็หลังจากนั้นผมก็ยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้นก็ไม่เห็นว่าจะมีใครปีนขึ้นมา จนกระทั่งฟ้าเริ่มสว่างก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมา ทางด้านหน้าสำหรับทางด้านหลังก็ไม่มีอะไรไม่มีการยิงไม่มีอะไรทังสิ้นแต่เสียงปืนจะดังมาจากทางด้านหอใหญ่ หลังจากเสียงปืนดังขึ้นมาซักระยะหนึ่งทางพวกเราที่อยู่ด้านหลังก็มีคนซึ่งเป็นเพื่อนเขาก็เดินไปคุยกับตำรวจ ก็มีการพูดคุยเพื่อที่จะขอเปิดประตูเมื่อหลังจากพูดคุยได้สักพักเนื่องจากมันสับสนก็เห็นประตูท่าพระจันทร์เปิด

อ.ใจ –                       เพื่อนเดินไปคุยกับตำรวจประตูใหนครับ

คุณนันทวัชน์ –              ท่าพระจันทร์ และประตูท่าพระจันทร์ก็เปิดซึ่งตรงนั้นผมเองก็อาจจะจริง ๆ แล้วผมไม่ได้ไปคุย แต่ก็มีการพูดคุย “ว่าเดี๋ยวเราไปคุยกับตำรวจเพื่อเปิดประตูดู” เสร็จแล้วเพื่อนก็เดินไป ในที่สุดประตูก็เปิดก่อนที่ประตูจะเปิดก็มีอีกเหมือนกัน ก็มีคนที่อยู่ด้านหน้าก็วิ่งรอดใต้ตึกโดมมาบอกว่าด้านหน้าถูกยิงมาก ทางเราก็พยายามจะเข้าประตูที่อยู่ทางด้านหลังตรงลานโพธิ์แต่เข้าก็ไม่สำเร็จ พอหลังจากประตูท่าพระจันทร์เปิดก็มีคนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้าไปทางท่าพระจันทร์ก็ออกไป ผมตอนแรกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะว่าตัวเองก็มีหน้าที่ในการที่จะดูแลเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยอยู่ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่พอดีจังหวะนั้นคุณธงชัย วินิจจะกุล ก็เดินร้องไห้มา ซึ่งเป็นเพือนกันพอเห็นก็ไปถาม พอดีแกร้องไห้เราก็บอกว่า มึงเป็นผู้นำมึงอย่าร้อง เดี๋ยวคนเสียกำลังใจหมด เขาก็เดินร้องไห้ตลอดเราก็เดิน ตอนหลังพวกเราโดนจับและเขาก็เปิดตัวว่าเขานี่แหละเป็นสันติบาล และปลอมเข้ามาโดยเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟังตั้งแต่พวกนักศึกษาไปเยี่ยมก็มีการเตรียมการไว้แล้ว ว่าเดี๋ยวคุณก็มาเยี่ยม เขาก็จะบอกว่าเขาใกล้จะออกแล้วนะ อะไรทำนองนี้ เสร็จแล้วเพื่อนที่เป็นนักศึกษาก็ชวนเขา ว่าถ้าหลังจากออกแล้วถ้าไม่มีที่ไปก็อาจจะแวะมาที่ธรรมศาสตร์ก็ได้ซึ่งเขาก็มา ก็คือเป็นไปตามแผนเขาก็เล่าให้ฟังคือ คนที่เป็นสันติบาลเขาเล่าให้ฟัง

อ.ใจ –                       คิดว่าคนนี้ได้ดูละครแขวนคอวันที่ 4 ไหม

คุณนันทวัชน์ –             ผมคิดว่าน่าจะได้ดู

อ.ใจ –                       คุณเองได้ดูไหมละครแขวนคอวันที่ 4

คุณนันทวัชน์ –              ผมไม่แน่ใจว่าผมได้ดูหรือเปล่า เพราะว่ามันเห็นภาพซึ่งตอนนี้จริง ๆ ก็จำไม่ได้ว่าตนเองได้ดูหรือเปล่า

อ.ใจ –                       ตลอดเวลาที่อยู่ในธรรมศาสตร์ เช้าตรู่วันที่ 6 เห็นเจ้าหน้าที่รัฐบ้างใหม

คุณนันทวัชน์ –             ในเหตุการณ์จริง ๆ เท่าที่ผมเห็นก็คือว่าเห็นคนที่มาจากทางด้านหน้าก็มีคนถูกยิงแค่คนเดียวส่วนทางด้านหลังมันจะไม่มีการยิงกัน ก็เลยไม่เห็นอะไรนอกจากที่ว่ามา

ผู้ชาย –                      ผมย้อนกลับไปถามอีกนิดหนึ่งเกี่ยวกับประตูด้านท่าพระอาทิตย์พอจะทราบไหมว่าตำรวจบุกเข้าทางด้านนั้นหรือเปล่า

คุณนันทวัชน์ –             เท่าที่เห็นคิดว่าไม่มี เข้าใจว่าวิ่งสลับฟันปลามาและก็แอบอยู่ด้านข้างและก็เป็นการเฝ้าประตูไว้เท่านั้นเอง

ผู้ชาย –                     ไม่มีนักศึกษาหนีออกไปทางด้านนั้นใช่ใหมครับ

คุณนันทวัชน์ –             ไม่มี

ผู้ชาย –                     ทำไมถึงไม่มีใครหนีออกทางนี้

คุณนันทวัชน์ –             คือจริง ๆ แล้วพอเกิดเรื่อง เวลาคนจากด้านหน้า หมายความว่าด้านหน้าตึกโดมที่เป็นสนามฟุตบอล นักศึกษาหรือประชาชนจะอยู่ทางด้านตึกบัญชี ด้านฟากนี้จะไม่ค่อยมี ๆ  ฉะนั้นคนส่วนใหญ่พอออกมายังไงมันก็จะมองเห็นประตูท่าพระจันทร์ง่าย เรารอดใต้ตึกโดมมาก็ใกล้ท่าพระจันทร์ และบังเอิญประตูด้านนั้นก็เปิด

ผู้หญิง –                     ตอนนั้นคุณนันทวัชน์อยู่พรรคอะไร

คุณนันทวัชน์ –             ตอนนั้นอยู่พรรรคพลังธรรมเป็นกรรมการ อมธ. อยู่ด้วย

ผู้หญิง –                     และก็หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา ได้โดนคุกคามอะไรบ้างใหม

คุณนันทวัชน์ –             หลังจากนั้นผมก็ย้ายบ้าน ซึ่งในความรู้สึก ๆ ว่า จะไม่ปลอดภัย ซึ่งผมก็เป็นกรรมการ อมธ. อยู่ด้วย

ผู้หญิง –                     และหลังจากนั้นก็กลับไปเรียนตามปกติ

คุณนันทวัชน์ –             หลังจากนั้นก็หลบไปในบ้านอื่น ๆ  ในที่สุดก็มีเพื่อนมาติดต่อ ก็มีความรู้สึกว่ามัน  ไม่น่าจะกลับไปเรียนได้ เพราะว่ามันไมน่าจะปลอดภัย ในที่สุดก็เข้าป่าไป

ผู้หญิง –                    ไปเข้าเขตไหน

คุณนันทวัชน์ –             ผมไปเข้าเขต 8 ที่ อ.เทิง จ.เชียงราย

อ. ใจ –                     ตอนที่อยู่พรรคพลังธรรมปี 2519 มีความคิดทางการเมืองไหม

คุณนันทวัชน์ –             ถ้ามองในตอนนั้นในแง่ของความคิดทางการเมือง ทางเรามองว่าคิดจะเล่นการเมืองคงไม่มี แต่ในเรื่องของการที่จะเรียกร้องประชาธิปไตยก็เข้าใจว่ามี แต่ถ้าจะถามว่ามีความคิดเป็นคอมมูนิสต์หรือเปล่า ผมบอกตรง ๆ ไม่ได้มีความรู้สึกอย่างนั้นเลย ถ้ามองจริง ๆ คือ การรักษาความเป็นธรรมจนถึงแม้กระทั่งวันนี้ถ้าจะให้เป็นอะไรที่จะต้องเสมอภาคคนจะต้องทัดเทียมก็ไม่ได้มีความอย่างนี้แม้กระทั่งในปัจจุบัน ก็คงจะคิดง่าย ๆ ว่าเพื่อความเป็นธรรมกลาง ๆ อย่างงี้นะครับ

ผู้หญิง –                     แล้วที่ตัดสินใจเข้าป่าไปเป็นเพราะอะไร

คุณนันทวัชน์ –             ตอนนั้นรู้สึกว่า 1. มีความแค้นว่าเราที่เป็นนักศึกษา ประชาชนเรียกร้องความเป็นธรรม แต่จู่ ๆ เราถูกทางเจ้าหน้าที่รัฐมาทำกับเรา ก็รู้สึกว่าเกินไป อีกอันหนึ่งก็คือว่าเรารู้สึกเป็นไม่ปลอดภัย ซึ่งเรารู้สึกว่าทางเจ้าหน้าที่รัฐบีบให้เราไปอยู่กับคอมมูนิสต์ ซึ่งเราเองเราก็บอกตั้งแต่แรกว่าเราไม่ได้มีความคิดอย่างนั้น แล้วเรื่องที่จะให้ไปทุกข์ยากในป่าซึ่งเราเองเป็นคนเมืองแม้จะเป็นคนต่างจังหวัดแต่ก็อยู่ในเมืองก็ไม่ได้คิดอยางนั้น เมื่อรู้สึกว่าโดนบีบรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเลยต้องตัดสินใจทำอย่างนั้น

อ. ใจ –                      พรรคพลังธรรมปี 2519 มีอุดมการณ์อะไรบ้าง

คุณนันทวัชน์ –             เป็นพรรคของนักศึกษาหลัก ๆ ก็คือเรียกร้องเกี่ยวกับประชาธิปไตยเรียกร้องความเป็นธรรมทางสังคมให้กับกรรมกรหรือชาวไร่ ชาวนา เรียกร้องประชาธิปไตยบางครั้งก็ไม่ชัดแต่ว่าต่อต้านเผด็จการจะเห็นชัดว่าเป็นรูปธรรม

อ.ใจ –                       มีอะไรที่อยากจะเพิ่มเติมใหมครับ

ผู้ชาย –                      ขณะนั้นคิดอย่างไรกังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม

คุณนันทวัชน์ –              ก็มีความรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เกิดขึ้นจริง ๆ แล้วมีอีกเรื่องหนึ่งอยากจะพูดนิดหนึ่งเกี่ยวกับทางอาจารย์ ป๋วย  ประมาณวันที่ 4-5 ก็พยายามออกมาเตือนนักศึกษว่าจริง ๆ แล้วเราทำอะไรไม่ได้ ผมก็บังเอิญตะโกนออกไป เป็นคนที่ตะโกนออกไปหลังจากที่อาจารย์ ป๋วยพยายามจะมาเตือนก็ด้วยความหวังดี เราก็ตะโกนออกไปว่าเรื่องสอบเรื่องอะไรไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องของประเทศชาติสำคัญกว่าก็ในที่สุดก็การประชุมที่ลานโพธิ์ที่อาจารย์ ป๋วย ก็เลยหยุดก็เลยจบแล้วเราก็มาประท้วงกันต่อ

อ.ใจ –                       มีอะไรที่อยากจะเพิ่มเติมใหมครับ OK . ขอบคุณมากครับ