คำให้การพยานโจทก์แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
เอกสารชุดนี้เป็นคำให้การพยานจำนวน 224 คน ที่ให้ปากคำไว้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อประกอบสำนวนการฟ้องคดี 6 ตุลาคม 2519 ความยาวรวมมากกว่าหนึ่งพันหน้า ต้นฉบับของเอกสารชุดนี้อยู่ที่หอจดหมายเหตุ สำนักงานอัยการสูงสุด คือเอกสารในกล่องหมายเลข 17-19 ของเอกสารคดี 6 ตุลา 2519 (ดูหมายเหตุต่อท้ายคำนำนี้)
เมื่อทำสำนวนเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งคำให้การพยาน 224 คนนี้ให้แก่พนักงานอัยการ เพื่อคัดเลือกจำนวนหนึ่งเป็นพยานฝ่ายโจทก์ในการปรักปรำผู้ต้องหาในชั้นศาล คดี 6 ตุลาคม 2519 นี้ถูกฟ้องในศาลทหาร สำนวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงถูกส่งให้อัยการศาลทหาร ซึ่งต่อมาได้คัดเลือก 82 คนเป็นพยานฝ่ายโจทก์ มีการสืบพยานโจทก์ในคดีนี้เพียง 11 คนในการพิจารณา 29 ครั้ง (ครั้งแรก 23 มกราคม 2521 ครั้งสุดท้าย 14 กันยายน 2521) ก่อนที่การสีบพยานจะหยุดกลางคันเพราะคดียกเลิกตาม พรบ. นิรโทษกรรม คำให้การของพยาน 11 คนในชั้นศาลได้รับการตีพิมพ์แล้วในหนังสือ “คดีประวัติศาสตร์: คดี 6 ตุลาคม” 2 เล่ม (บพิธการพิมพ์, 2521 และ 2522) แต่คำให้การพยานจำนวน 224 คนที่ให้ปากคำไว้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจดังที่รวบรวมมาไว้ในที่นี้ ไม่เคยได้รับการตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน
ในบรรดา 224 คนนี้ประกอบด้วยคนต่าง ๆอาชีพและเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ด้วยเหตุผลและบทบาทต่าง ๆกัน ดังพอจำแนกได้คร่าวๆตามตารางข้างล่างนี้ หลายคนเป็นที่รู้จักกันดี หรือมีหน้าที่เกี่ยวข้องจึงถูกเรียกเป็นพยาน เช่น บุคคลในรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ผู้บริหารของธรรมศาสตร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าปฏิบัติการในเช้าวันนั้น และผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาวุธ แต่ส่วนข้างมากของ 224 คนเป็นผู้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกมาให้การ แต่ยังไม่มีการศึกษาว่าเลือกมาจากไหนอย่างไร สังเกตได้แต่เพียงว่าหลายคนเคยเป็นข่าวอยู่ฝ่ายต่อต้านนักศึกษามาก่อน บางคนปรากฏในรูปถ่ายจากเหตุการณ์เช้าวันนั้น
ดังนั้น แม้ว่าการดำเนินคดีกับจำเลยคดี 6 ตุลา 18 คนจะยุติลง แต่เอกสารชุดนี้จึงมีความสำคัญต่อการเข้าใจความคิดทางการเมืองของฝ่ายขวา ตลอดจนทัศนะและความรู้สึกที่พวกเขามีต่อขบวนการนิสิตนักศึกษาและประชาชนในขณะได้เป็นอย่างดี
พยานที่ให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจคดี 6 ตุลาคม 2519: จำแนกประเภทตามบทบาท
– ทหาร (รวม พ.ท.อุทาร สนิทวงศ์ฯ) รวม 18 คน
– ตำรวจ รวม 72 คน
ตชด., กองปราบ, สันติบาล, นครบาล ท้องที่ต่าง ๆ
(สน.ชนะสงครามมากที่สุด), แผนกอาวุธ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ
– บุคลากรของธรรมศาสตร์ รวม 46 คน
อาจารย์ นักศึกษา ยาม/นักการ ข้าราชการอื่น ๆ รวมคนขายน้ำ อาหารด้วย
– อาจารย์และข้าราชการมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยมอื่น ๆ รวม 17 คน
– ฝ่ายขวากลุ่ม “จิปาถะ” ต่าง ๆ และไม่สังกัดกลุ่ม รวม 32 คน
รวมทั้ง ลูกเสือชาวบ้าน นวพล ผู้เชี่ยวชาญ เช่น ประสิทธิ์ ไชยทองพันธุ์
ทนง เหล่าวณิช อำนวย พานประเสริฐ
– ช่างภาพ นักหนังสือพิมพ์ นักข่าว รวม 13 คน
– เจ่าหน้าที่ธนาคารต่าง ๆ ที่มีบัญชีเงินฝากของศูนย์กลางนิสิตฯ รวม 13 คน
– ญาติผู้ถูกจับกุม รวม 4 คน
– บุคคลในรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช 2 คน
– “ช้ายกลับใจ” 2 คน
– จัดไม่ได้/อื่น ๆ 4 คน
– ไม่พบคำให้การ 4 คน
รวม 224 คน
มี 82 คนจากพยานในตารางนี้ถูกเลือกเป็นพยานฝ่ายโจทก์ในชั้นศาล ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 44 คน (เป็นตำรวจจากสน.ชนะสงคราม 19 คน สน.อื่น ๆ 4 คน ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 9 คน ตชด. 8 คน ตำรวจกองปราบฯ 2 คน และตำรวจสันติบาล 2 คน) อาจารย์ธรรมศาสตร์ 14 คน อาจารย์สถาบันอื่น 4 คน ผู้นำแรงงาน 2 คน ผู้เชี่ยวชาญจาก กอ.รมน. 1 คน นักข่าว ช่างภาพ นสพ. 3 คน บุคคลในรัฐบาลรวมทั้งนายกรัฐมนตรี 2 คน แพทย์ผู้ทำการชันสูตรศพจากโรงพยาบาลต่าง ๆ 5 คน และอื่น ๆ
ธงชัย วินิจจะกูลให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับเอกสารชุดนี้ไว้ (มาจากบทที่ 3 “6 ตุลาในความทรงจำของฝ่ายขวา 2519-2549” ของหนังสือ 6 ตุลา ลืมไม่ได้ จำไม่ลง, ฟ้าเดียวกัน 2558, หน้า 197-199) ซึ่งขอยกมาแสดงไว้ในที่นี้ด้วย ดังนี้
“คำให้การของฝ่ายขวาเหล่านี้น่าเชื่อถือแค่ไหน อย่างไร ในฐานะเป็นหลักฐานของความทรงจำที่เกี่ยวกับ 6 ตุลา ภายหลังเหตุการณ์เพียงไม่ถึง 3 เดือน?
เราคงไม่สามารถถือเอาทุกคำพูดของเขาเป็นข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น ดังได้วิเคราะห์ให้เห็นในรายงานแล้วว่า คำให้การของหลายคนเป็นไปตามเรื่องเล่า 6 ตุลาตามแบบฉบับของฝ่ายขวาที่แพร่หลายหลัง 6 ตุลา บางคนมีการเสริมแต่งจนเหลือเชื่อ แต่เราสามารถเข้าใจเรื่องเล่าแบบฉบับได้ชัดเจนขึ้นเพราะคำให้การเหล่านี้ผลิตซ้ำเรื่องเล่าดังกล่าว เมื่อพิจารณาประกอบกับบริบทของสถานการณ์ในขณะนั้น เราจะเห็นคุณลักษณะที่น่าสนใจหลายประการของคำให้การของฝ่ายขวาในฐานะที่เป็นความรับรู้ ความทรงจำ หลังเหตุการณ์ใหม่ ๆ
คำให้การของฝ่ายขวาในขณะนั้นอาจไม่น่าเชื่อถือในแง่ที่พวกเขาต้องการปรักปรำฝ่ายซ้ายโดยทั่วไปหรือเพื่อเล่นงานคนที่เขาเกลียดชังเป็นรายบุคคล บางคนต้องการแสดงออกเกินจริงว่าตนมีส่วนร่วมหรือมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับฝ่ายซ้าย บางคนต้องการให้วีรกรรมของตนได้บันทึกไว้ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ คำให้การเหล่านี้ไม่ได้อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่พวกเขาเจตนาโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงภัยที่อาจมาสู่ตน
หากเปรียบเทียบกันก็จะพบว่าคำให้การของผู้ต้องหา 3 พันกว่าคนเชื่อถือแทบไม่ได้เลยในฐานะข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะพวกเขาให้การเพื่อหลีกเลี่ยงการรับผิด คนจำนวนมากนัดหมายร่วมมือกันว่าควรให้การตำรวจอย่างไรเพื่อช่วยเพื่อนฝูง เพื่อไม่ให้เป็นประโยชน์ต่อตำรวจหรือกระทั่งจงใจก่อกวนให้ตำรวจสับสน หลายคนไม่เปิดเผยชื่อสกุลจริงแก่ตำรวจด้วยซ้ำไปโดยตำรวจไม่รู้ ตัวอย่างเช่น หลายร้อยคนให้การแก่ตำรวจว่าพวกเขาไปฟังเพลงในธรรมศาสตร์ โดยไม่สนใจการเมืองอะไรเลย ไม่เห็นคนที่ตำรวจต้องการให้ระบุชื่อ ไม่ได้สนใจฟังว่าปราศรัยกันเรื่องอะไรและไม่รู้จักคนพูด หลายคนบอกว่าเป็นแค่ไทยมุงที่เข้าไปหลบนอนโดยไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย หากเชื่อถือคำให้การเหล่านี้ จะพบว่าแทบไม่มีฝ่ายซ้ายหรือผู้ที่ต้องการมาชุมนุมขับไล่จอมพลถนอมในธรรมศาสตร์คืนนั้นเลยสักกี่คน คำให้การของฝ่ายขวาอาจไม่น่าเชื่อถือด้วยเหตุผลคนละอย่างกัน คือ ต้องการบอกว่าตนรู้ตนเห็นและมีส่วนร่วมในวีรกรรมตามที่คิดในขณะนั้น
ประเด็นต่อมาที่ควรทราบเกี่ยวกับคำให้การเหล่านี้ก็คือ วิธีการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการซักพยานและการจดบันทึก พนักงานสอบสวนจะมีคำถามชุดหนึ่งที่เขาต้องการทราบและต้องการบันทึก เพราะถึงที่สุดคำให้การเหล่านี้คือพยานหลักฐานเพื่อประกอบคดี เพื่อสนับสนุนคำฟ้องตามข้อหาต่าง ๆ ซึ่งต้องการหลักฐานประกอบที่มีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามที่เคยมีบรรทัดฐานมาก่อนแล้ว ดังนั้นพนักงานสอบสงวนจึงมักถามนำด้วยคำถามที่เขาต้องการ ในกรณีที่ปล่อยให้พยานเล่าหรืออธิบายยืดยาว พนักงานสอบสงวนจะพยายามสรุปด้วยถ้อยคำที่มีที่มีนัยทางกฎหมายตามที่เขาต้องการ กล่าวได้ว่าคำให้การทั้งหมดมิใช่ถ้อยคำของพยานเองโดยตรง แต่เป็นข้อความที่ถูกปรุงแต่งโดยพนักงานสอบสวนแล้ว
เราจึงจะพบว่า สาระพื้นฐานทั่วไปเช่น ภูมิหลัง ประวัติย่อของพยาน จะใช้ถ้อยคำแทบจะเหมือนกันหมดตามที่พนักงานสอบสวนคุ้นเคย แต่ด้วยเหตุนี้จะพบว่า เรื่องเล่า ความเห็น หรือคำอธิบายซึ่งอยู่นอกเหนือคำถามที่พนักงานสอบสวนเตรียมไว้ล่วงหน้า ทว่าเป็นประโยชน์ต่อสำนวนคดี จะได้รับการบันทึกไว้มากมาย แม้พนักงานสอบสวนจะบันทึกด้วยถ้อยคำสำนวนของตน แต่จะรักษาสาระของคำให้การไว้ตามที่พยานต้องการ บ่อยครั้งอาจจะเป็่นการบันทึกคำต่อคำด้วยซ้ำไป เพราะพนักงานสอบสวนไม่มีสำนวนแบบฉบับไว้ล่วงหน้า
ผู้เขียนจึงพบว่าคำให้การของผู้ต้องหา “ฝ่ายซ้าย” ว่าตน เข้าไปฟังเพลง ไม่สนใจการเมือง และไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ทั้งสิ้น ได้รับการบันทึกด้วยถ้อยคำสำนวนที่แทบจะเหมือนกัน ในกรณีนี้ คงไม่ใช่เพราะพนักงานสอบสวนมีสำนวนแบบฉบับไว้ล่วงหน้า แต่เป็นไปได้ว่าภายหลังบันทึกคำให้การคล้าย ๆ กันจำนวนหนึ่ง พนักงานสอบสวนคงรู้ว่าคำให้การเหล่านั้นเชื่อถือไม่ได้ และมีการตระเตรียมกันไว้ล่วงหน้าในหมู่ผู้ต้องหา แต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนสนใจเฉพาะตัวการสำคัญตามที่มีชื่อระบุไว้ ไม่สนใจคนอื่นๆเท่าไรนัก ดังนั้น พนักงานสอบสวนจึงสร้างแบบฉบับคำให้การของผู้ต้องหาฝ่ายซ้ายขึ้นมาเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ถ้อยคำให้การของฝ่ายซ้ายจึงน่าจะเป็นของพนักงานสอบสวนเช่นกัน โดยรักษาสาระตามที่ผู้ต้องหาต้องการจะโกหก
ภายหลังการบันทึกปากคำ ผู้ให้การทุกคน (ทั้งพยานและผู้ต้องหา)จะอ่านทบทวนข้อความทุกตัวอักษรที่พนักงานสอบสวนบันทึก ทำการแก้ไขจนกว่าจะพอใจ แล้วลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานว่าตนได้ให้ปากคำเช่นนั้นจริง ดังนั้น ถึงแม้จะเป็นถ้อยคำสำนวนของพนักงานสอบสวน พยานฝ่ายขวาเหล่านั้นยอมรับว่าตนพอใจกับถ้อยคำและสาระที่ตำรวจบันทึก ผู้ต้องหาฝ่ายซ้ายพอใจกับบันทึกคำให้การตามที่ตนโกหก
คุณลักษณะและปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องตระหนักในการใช้เอกสารชุดนี้ ความน่าเชื่อถือของเอกสารขึ้นอยู่กับว่าเรามีคำถามอะไร แล้วใช้เอกสารเป็นการวิเคราะห์ตีความหรือเป็นข้อมูลอย่างไร”
(ธงชัยยังตั้งข้อสงสัยต่อเอกสารบางชื้นอีกด้วย ซึ่งกรุณาหาอ่านความเห็นฉบับเต็มได้ในหนังสือดังกล่าว)
หมายเหตุ:
เอกสารคดี 6 ตุลา 2519 ที่หอจดหมายเหตุ สำนักงานอัยการสูงสุด
เอกสารคดี 6 ตุลามีทั้งหมด 73 กล่อง รวมเอกสารทั้งหมดมากกว่า 30,000 หน้า มีแผนที่ ภาพถ่าย แผนผังอีกจำนวนมาก ดังรายการคร่าว ๆ ที่แสดงให้เห็นในในตารางข้างล่างนี้ มากกว่าครึ่งของเอกสาร 73 กล่องเป็นคำสั่ง คำร้อง หมายฟ้อง จดหมายราชการ และแบบฟอร์มต่าง ๆ เช่น เอกสารพิมพ์ลายนิ้วมือหลังการจับกุมและประวัติย่อของผู้ต้องหา ใบสัญญาประกันตัว เป็นต้น เอกสารเหล่านี้มีข้อมูลน่าสนใจมากมายตามแต่คำถามและวิธีการของผู้ทำการศึกษา อาทิ เช่น รายงานการชันสูตรศพ คำให้การผู้ต้องหา (กล่อง 1-16) ซึ่งสะท้อนว่าผู้ถูกจับกุมนับพันนัดหมายกันให้การแก่ตำรวจอย่างไร หลายคนถูกตำรวจข่มขู่หลอกล่ออย่างไร นอกจากนี้แผนที่ภาพถ่ายที่ตำรวจทำขึ้นระหว่างที่ธรรมศาสตร์ถูกปิดหลังเหตุการณ์ เป็นสภาพของธรรมศาสตร์ที่สาธารณชนไม่เคยเห็น เพราะกองเลือดและรอยกระสุนถูกชำระล้างหรือปิดกลบไปเกือบหมดก่อนเปิดมหาวิทยาลัยอีกครั้ง
รายการเอกสารคดี 6 ตุลาคม 2519
หมายเลขกล่อง | สาระสำคัญของเอกสาร | จำนวนหน้า |
1-1617-1920-505152-65666768697071727373 กล่อง | – คำให้การผู้ต้องหาหมายเลข 1-3152– คำให้การพยานหมายเลข 1-224– คำขอกันตัวผู้ต้องหาเป็นพยาน, พยานญาติ, พยานแพทย์ ภาพถ่ายประกอบคำให้การ และเอกสารประกอบคำให้การ– ลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาหมายเลข 1-3160– รายงานการสอบคดีและรายงานการสอบสวนนายวันจักร อำนรรฆมณี กับพวก– ผู้ต้องหาไม่มีสัญญาประกันตัว– รายชื่อผู้ต้องหาที่มีสัญญาประกันตัวและไม่มีสัญญาประกันตัว– สัญญาประกันตัวผู้ต้องหา– คำร้องฝากขังครั้งที่ 1-6– คำร้องปล่อยผู้ต้องหา– เอกสารคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสอบสวน บันทึกการตรวจค้น รายงานการตรวจค้น บันทึกการจับกุม รายชื่อผู้ต้องหาที่ถูกจับบันทึกภาพการสอบสวนและการควบคุมผู้ต้องหา– แผนที่แสดงที่เกิดเหตุ 5 แผ่น (ใหญ่)– รายงานการตรวจพิสูจน์ของกลาง ตรวจอาวุธ รายงานสถานที่เกิดเหตุและภาพถ่าย– รายงานการชันสูตรพลิกศพ รายงานชันสูตรบาดแผล รายงานการตรวจสอบสภาพศพ– เอกสารและภาพถ่ายประกอบคำให้การพยาน (รวมทั้งแถลงการณ์ โฆษณาใบปลิว และรายงานของตำรวจที่บันทึกการชุมนุม สัมมนา อภิปรายของนักศึกษา)– รายงานการสอบสวนคดี– คดีฆ่าและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เป็นกบฏ ฯลฯรวม | (3000+)106612802439990080075075045065065031208มากกว่า 30,000 |