Documentation of Oct 6

พลสัณฐ์  ฤทธิ์ลิขิต

ใจ                     ช่วยแนะนำตัวเอง  แนะนำตัวเองว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่  แล้วก็ในปี 19 ทำอะไร  แล้วก็ช่วยเริ่มต้นจากเหตุการณ์ในวันที่ 4 5 6 ว่าอยู่ที่ไหน  เห็นอะไร  และหลังจากนั้นช่วยอธิบายลักษณะว่าตัวเองมีความสัมพันธ์กับหน่วยงานต่าง ๆ อย่างไร  ภาพรวมกว้าง ๆ เชิญครับ

พลสัณฐ์              ขอบคุณครับ  สวัสดีครับ ผมชื่อพลสัณฐ์  ฤทธิ์ลิขิต  ปัจจุบันผมทำธุรกิจส่วนตัวเล็ก ๆ นะครับ  ใช้ชื่อว่า พลสัณฐ์  ฤทธิ์ลิขิต  อาจจะงงว่าก่อนเข้าป่าผมใช้อีกชื่อและอีกนามสกุลหนึ่ง  ไม่ทราบจะใช้ชื่อไหน  ใช้ชื่อปัจจุบันแล้วกันนะฮะ  ในยุคนั้นนี่ก็ตำแหน่งที่เปิดเผยก็จะเป็นรองนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ปี 19 นะครับ  แล้วก็โดยตำแหน่งก็จะเป็นกรรมการของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษา  แต่ว่าในยุคนั้นนี่  องค์กรที่เป็นภาค  เช่น ศูนย์กลางนิสิตอะไรต่าง ๆ เหล่านี้  จะเป็นองค์กรที่ผมเข้าใจว่าไม่ใช่เป็นเฟืองจักรในการทำงานจริง  กำลังในการทำงานจริง ๆ มันจะอยู่ในพรรคนักศึกษาในแต่ละมหาวิทยาลัย  องค์กรเปิดทั้งหลายมันจะเป็นลักษณะที่คล้าย ๆ กับเป็นกลไกในการต่อสู้ประเด็นทางการเมืองต่อสาธารณะมากกว่านะครับ  เช่น  การแถลงข่าว  การเข้าพบรัฐบาล  การเจรจา  การอะไรพวกนี้  จะเริ่มยังไงดี…

ชลธิรา               ที่พูดว่ามีองค์กรเปิด  ก็หมายความว่ามีองค์กรปิดด้วย

พลสัณฐ์             ครับ  ใช่ครับ

ใจ                    ช่วยเล่าวันที่ 4, 5, 6 อยู่ที่ไหน  เห็นอะไร  แล้วก็หลังจากนั้นก็มาขยายความว่า  องค์การเปิด  องค์กรปิด มีอะไรบ้าง

พลสัณฐ์             ความจริงก็เป็นเรื่องที่นานมากแล้ว  แล้วก็ทั้งหมดที่จะพูดมันก็เป็นความจำนะฮะ  ผมเข้าใจว่าอาจจะมีความผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนในเรื่องของเวลา  บางทีมันเป็น event เดียวกัน  แต่อ้างไปแล้วอาจจะไม่ตรงกัน  ซึ่งผมคิดว่าอาจจะเป็นประเด็นที่เป็นปลีกย่อย  ในช่วงที่จะสโคปเอาเฉพาะ 4, 5, 6  ผมนึกไม่ออก  จริง ๆ มันเป็นยังไง  เพราะว่าในสถานะของผมช่วงนั้นมันไม่ได้เรียนหนังสือ  ทั้งวันทั้งคืนมันมีแต่การประชุม  มีแต่การประชุม

ใจ                     อย่างวันที่ 4 เห็นละครในธรรมศาสตร์ไหม

พลสัณฐ์              ไม่เห็นครับ  ไม่เห็น  ละครที่แสดงไม่เห็น

ใจ                     คืนวันที่ 5 อยู่ในธรรมศาสตร์หรือเปล่า

พลสัณฐ์               อยู่ฮะ  อยู่

ใจ                     อยู่ตรงไหนฮะ

พลสัณฐ์               พวกเราประชุมกันอยู่ตลอดนะฮะ  ตึกนั่นเขาเรียกอะไร  ตึกอมธ.มั้งฮะ  ตึกอมธ.ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่ประชุมของนักศึกษา  ของ…(ฟังไม่ออก)  ผมจะเล่ายังไงดี   สี่…ห้า…หก

ชลธิรา                 ที่บอกว่าประชุมอยู่ตลอดเวลา  อาจจะเล่าเรื่องที่ประชุมก็ได้

พลสัณฐ์               อ๋อ  ครับ  ก่อนที่กรณีของถนอมจะเข้ามาในประเทศ  มันมีกรณีของประภาพเข้ามาก่อนแล้วใช่ไหมฮะ  ผมจำไม่ได้  รู้สึกจะประมาณเดือนสิงหา แล้วกรณีของประภาสดูเหมือนว่าลักษณะของเหตุการณ์จะคล้าย ๆ กันเลย  แต่ว่ากรณีประภาสผมเข้าใจว่าจะเป็นเหมือนหยั่งเชิงดู  หรืออะไรทำนองนี้ ขณะที่กรณีของจอมพลประภาสก็จำเป็นต้องเดินทางกลับออกไป  แล้วขณะเดียวกันในส่วนของนักศึกษาก็ถูกแทบจะเรียกได้ว่าสลายการชุมนุมทันที  ผมจำได้ตอนนั้น  จำได้  ใครนะครับ  สารวัตรใหญ่ของสถานีตำรวจชนะสงคราม  คุณสุรชัย  …(ฟังไม่ออก)เจริญ    ก็มาพูดโดยตรงเลยว่า  จะทำอะไรก็ได้นะน้อง  แต่ว่าคราวนี้พี่ขอจริง ๆ ไม่งั้นมีเรื่องใหญ่แน่  ไม่งั้นมีเหตุแน่  ขอให้เลิก  ขอให้สลาย  ก็โอเค  ก็เลิกกันไป  แล้วหลังจากนั้นประภาสก็ออกนอกประเทศไปอีกเหมือนเดิม  พอมาถึงกรณีของถนอม  ถนอมบวชเป็นเณรเข้ามาแล้วก็ไปที่วัดเบญจมบพิตร  หลังจากนั้นถ้าผมจำไม่ผิดจะมีกระเช้าดอกไม้จากสำนักพระราชวังไป  ส่วนของพวกเราที่ทำกันก็คือว่า  เรารู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องอะไร  รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการกุ  หรือสร้างสถานการณ์ให้เกิดการที่  ปั้นให้เกิดการที่ขบวนการนักศึกษาประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้าน…(ฟังไม่ออก) แน่นอน   และขณะเดียวกันก็ไปเพื่อจะไปสู่การปราบปราม  ผมจำไม่ได้แน่ชัดนะว่าใครเป็นคนเอามาให้  มันมีรายงาน…

ชลธิรา                หมายความว่ามีการวิเคราะห์ล่วงหน้าแล้วว่าคงจะเป็นเช่นนั้น

พลสัณฐ์              มีครับ  มีก่อนหน้านั้นแล้ว  ใช่  แล้วก็มันมีรายงานจาก  จำไม่ได้แน่  ไม่แน่ใจว่าจะถูกอ้างอิงโดยหน่วยงานของแจ๊สแม็ก (สะกดถูกหรือเปล่า?)  หรือของใครเนี่ยนะฮะ  ที่พูดถึงว่าขบวนการนักศึกษาเนี่ย  ถ้าเป็นขบวนการที่อายุเกิน 3 ปีไปแล้ว  จะเป็นขบวนการที่ปราบไม่ได้  เขารายงานถึงระดับสูงของไทย  ผมไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะรัฐบาล  บางทีรัฐบาลอาจจะไม่ได้  บางทีรัฐบาลสมัยนั้นอาจจะไม่ได้อ่าน  ไม่ได้เห็นรายงานฉบับนี้เลยด้วยซ้ำ  แต่ว่าผมเข้าใจว่าพวกที่กุมอำนาจในสมัยนั้น  ไม่ว่าจะเป็นพวกกองทัพ  หรืออะไรต่าง ๆ หรือว่าสถาบันต่าง ๆ น่าจะได้เห็นถึงรายงานอันนี้

ชลธิรา               หมายถึงพลสัณฐ์ได้อ่านเองหรือว่า…

พลสัณฐ์              มี…ผมนึกไม่ออก  มีอาจารย์มหาวิทยาลัยซึ่งได้รับทราบอันนี้อยู่ด้วยมาพูดคุยกัน  คือ  เนื่องจากมีการประชุมมากอย่างที่ว่า  แล้วพวกเราเองเราก็มีการเตรียมรับมือกับสถานการณ์รัฐประหารอยู่ตลอด

ชลธิรา               ที่พลสัณฐ์พูดเมื่อกี้นี้  ความหมายก็คือว่า  ขบวนการนักศึกษาในช่วงนั้นคงจะไม่ได้ถูกจับตามองเฉพาะฝ่ายรัฐบาลไทยเท่านั้น  แต่ว่าองค์กรจากต่างประเทศก็คงจะมีส่วนร่วม  สนใจ  ติดตามความเคลื่อนไหวด้วยใช่ไหมคะ

พลสัณฐ์              ใช่ครับ  ขบวนการนักศึกษามีการซักซ้อม  เรียกว่าแผนการเตรียมรัฐประหารเป็นระยะ ๆ ที่ผมจำได้แน่ ๆ ปฏิบัติการซ้อมจริง ๆ เลยเนี่ยมีอยู่ 2 ครั้งในตลอดระยะตั้งแต่ปี 18 เป็นต้นมา  ซึ่งที่นักศึกษาหรือขบวนทั้งขบวนพยายามทำก็คือ  เรื่องการที่จะต้องปรับปรุงองค์กร  ยกระดับการจัดตั้ง  ทำให้ขบวนของมันเนี่ยค่อย ๆ พัฒนาไปสู่ขบวนการใต้ดิน  ผมใช้อย่างนี้ได้เลย  เพราะว่าองค์กรลับค่อย ๆ ก่อร่างขึ้นมาเป็นฐานจริง ๆ  ก็คือมีคนทำงานประเภทที่ไม่เปิดเผยตัว  ไม่ได้มีชื่อเสียงหรืออะไรต่าง ๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์เป็นจำนวนมาก  แต่ขณะเดียวกันคนที่เป็นภาพ  คนที่ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์กลับ…. ผมคิดว่าถ้าตำรวจไปรีดเอาจริง ๆ อาจจะไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่

ใจ                     ช่วยเล่าว่าคืนวันที่ 5 อยู่ที่ตึกอมธ.  แล้วก็ประชุมอยู่  เห็นอะไรบ้าง  ถ้าเล่ารายละเอียดจะได้ลงลึกเรื่อง…

พลสัณฐ์               ครับ  ทีนี้ตรงที่เรามีการเตรียมพร้อมว่าสถานการณืนี้เป็นสถานการณ์ที่น่าจะใช้สำหรับเพื่อก่อขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง  ทำให้ประเด็น  เราก็พยายามมุ่งตรงนี้  พยายามที่จะฟาดฟัน  หรือว่าพยายามจะแหวกวงล้อมตรงนี้ออกไป  หลังจากที่มีการแขวนคอกรรมกรสองคนที่อ้อมน้อยแล้ว  นักศึกษาที่ธรรมศาสตร์ก็เอามาแสดงละครเพื่อจะล้อเลียนเหตุการณ์นี้  วันรุ่งขึ้นก็ปรากฏภาพนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์  ซึ่งเป็นภาพที่ทุกคนเห็นก็ตกใจว่าทำไมหน้าตามันออกมาเป็นแบบนี้  สิ่งที่พวกเราคิดก็คือว่า  เรามั่นใจร้อยเปอร์เซนต์ว่าภาพนั้นแต่งขึ้น  เพราะฉะนั้นความหวังก็คือว่า  ถ้าสมมติเราได้มีการแถลงข่าวหรือชี้แจงเรื่องนี้ออกไปโดยเร็วที่สุด  น่าจะสามารถที่จะคลี่คลายสถานการณ์ได้  หรือทำความเข้าใจกับประชาชนได้ว่า  คนแสดงละครซึ่งมีใช้สองคน   เนื่องจากแผนงาน  จำไม่ได้ว่าคงประมาณสองคนที่จะใช้ในการแขวนนี่นะฮะ  หน้าตาเป็นอย่างนี้ ไม่ว่าจะใช้เอฟเฟคต์ของแสงหรือที่แจ้ง ๆ ถ่ายรูปออกมาก็จะได้แค่นี้  มันไม่ได้มีทางที่จะเป็นหน้าอย่างอื่นไปได้เลย  นอกจากการใช้เทคนิค  แต่ปรากฏว่าในคืนวันที่ 5 เราตอนประมาณสักทุ่มหนึ่งเราแถลงข่าวเรื่องนี้ออกไป  ปรากฏว่าข่าวเนี่ย  เอ…เดี๋ยวผมจำไม่ได้แล้ว  เออ…คืนวันที่  จำไม่ได้แน่  เดี๋ยวนะฮะ  ผมจำไม่ได้แน่ชัด  อาจจะเป็นคืนวันที่ 4 ที่เราแถลงข่าวเรื่องนี้  แล้ววันที่ 5 ภาพหรือการแถลงข่าวนี้ไม่ได้ถูกเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์เลย รู้สึกว่าภาพจะเป็นอย่างนี้นะฮะ  ทำให้ทั้งวันเราก็มีการปรึกษาหารือกันตลอดว่า  สงสัยเรื่องนี้ไม่ไหวไปไม่รอดแน่  แต่ว่าความคิดของกระแสที่ครอบงำอยู่ในเวลานั้นก็คือว่า  ถ้าสมมติว่าเรายอมสลายการชุมนุม  มันจะเป็นการพ่ายแพ้ทางการเมืองครั้งใหญ่ของนักศึกษา  ซึ่งยิ่งจะทำให้ถูกปิดล้อมหนักขึ้น  ทำให้ไม่สามารถที่จะทำงานต่าง ๆ ต่อไปได้  ใช่ไหมฮะ  ดังนั้นก็พยายามที่จะยืนยันต่อไป  โดยการแถลงข่าวซ้ำ   ในคืนวันที่ 5 เราก็  ผมเข้าใจว่าประมาณสักทุ่มหนึ่งหรืออะไรทำนองนี้  เราก็กำลังประชุมกันอยู่ว่าเราจะแก้ไขปัญหาหรือสถานการณ์ตรงนี้อย่างไร  ซึ่งเราก็มีบุคคลจากคณะรัฐบาล  ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด ที่ผมเห็นหน้า ก็คือ  อาจารย์เจริญ  คันธวงศ์  จะมีใครอีกคนไม่แน่ใจ  จะเป็นคุณสุรินทร์  นาคประดิษฐ์  หรือเปล่าไม่แน่ใจนะฮะ  แต่อาจารย์เจริญเนี่ยผมจำหน้าได้  ก็มาพูดกับพวกเราว่า  น้องไม่ไหวจริง ๆ นะ  เพราะว่า เออ…ใครล่ะ…อ้างถึงพลตำรวจตรีเจริญวิทย์  จำรัสโรมรัน  ซึ่งตอนนั้นรู้สึกจะเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนมาพูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า  คงต้องยอมเสีย  ยอมเสียนักศึกษาไปสักสามพันคน  จะจัดการเรื่องนี้เพื่อความมั่นคงของชาติ  อาจารย์เจริญเล่าว่า

ชลธิรา                 อาจารย์เจริญเข้ามาคุยในฐานะอะไรคะ

พลสัณฐ์               คือไม่ได้เข้ามาในที่ประชุมนะฮะ  มาแล้วก็พวกเราก็มาพบแล้วก็มาพูดคุยกัน  อาจารย์…

ชลธิรา                 สถานภาพตอนนั้นของอาจารย์เจริญ

พลสัณฐ์               ผมจำไม่ได้ว่าเป็นอะไร  แต่ว่า

ชลธิรา                คือ เป็นเหมือน key person (ไม่แน่ใจ?) ที่

พลสัณฐ์              ที่พยายามเข้ามาบอกว่า ให้เลิกเสีย ให้จัดการ  ให้คลี่คลายปัญหาตรงนี้ซะ  ตอนนั้นก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันต้อง…(ฟังไม่ออก)มากแล้วไงฮะ  คืนวันที่ 5

ใจ                     คือพลสัณฐ์ได้ฟังอาจารย์เจริญพูดเองใช่ไหมฮะ  แล้วอาจารย์เจริญบอกว่า

พลสัณฐ์               ครับ

ชลธิรา                พูดเป็นการส่วนตัวหรือว่าพูดในที่ประชุม

พลสัณฐ์               พูดเป็นการส่วนตัว  อยู่สี่ห้าคนนะฮะ  อยู่ตรงนั้น

ใจ                     แล้วอาจารย์เจริญก็บอกว่า  รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนบอกว่าจะต้องมาจัดการ

พลสัณฐ์              ใช่ฮะ  เขาพูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี  คล้าย ๆ กับว่า

ใจ                     พูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

พลสัณฐ์               ครับ  อาจารย์เจริญมาเล่าให้ฟังว่า

ใจ                     แต่อาจารย์เจริญไม่ได้อยู่ในคณะรัฐมนตรี

พลสัณฐ์              น่าจะอยู่

ใจ                     อยู่ใช่มั้ยครับ  โอเค

พลสัณฐ์               มาเล่าให้ฟังว่า  นี่นะน้อง

ชลธิรา                 เป็นตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์  หรือว่าเป็น

พลสัณฐ์               เป็นตัวแทนรัฐบาล  ตอนนั้นรู้สึกเป็นรัฐบาลอยู่ด้วย  ของหม่อมราชวงศ์เสนีย์นะฮะ  แต่ว่าเป็นครม.หรือเปล่าไม่ทราบ  มาเตือน  แล้วเราก็เข้าใจถึงความวิกฤตตรงนั้น  แต่ว่าความพยายาม  มติครั้งแรกสุดที่พวกเราก็คือว่าให้ผู้ปฏิบัติงานนักศึกษาต่าง ๆ ของสามหรือสี่มหาวิทยาลัย  หรือทุกมหาวิทยาลัย ผมจำไม่ได้แน่ชัด  ให้กลับออกจากธรรมศาสตร์ไป  เวลานั้นเป็นเวลาประมาณสักสามทุ่ม ยังออกไปได้นะฮะ  ในขณะนั้น  ครึ่งหนึ่ง  ผมคิดว่าประมาณสักครึ่งหนึ่งก็จะกลับไปยังมหาวิทยาลัยของตนเอง  เพื่อเตรียมการรับมือกับสถานการณ์รัฐประหาร  ซึ่งเราคิดว่าเกิดขึ้นแน่  แต่ว่าตอนนั้นยังไม่ได้เข้าใจถึงสถานการณ์ที่ถูกปิดล้อมว่ามันวิธีการที่จะจัดการในกรณี 6 ตุลา มันไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นรัฐประหารธรรมดา  แต่ว่ามันจะถึงขั้นปิดล้อม  แล้วก็เรียกว่าขจัดเสีย ธรรมดาที่เราเข้าใจว่า  ที่เราคิดว่ามวลชนส่วนใหญ่เขาน่าให้มีการที่จะยินยอมให้ปล่อยออกไป  หรือว่าใครจะกลับบ้านก็คงจะให้กลับ  คิดว่าอย่างนั้น แล้วก็บรรดาแกนนำอะไรต่าง ๆ ก็อาจจะถูกจับไป  ซึ่งที่เราเตรียมที่จะรับมือกันก็เป็นแค่นี้  ทีนี้เมื่อส่งนักศึกษาหรือคนงานออกไปประจำตามมหาวิทยาลัย  แล้วก็ปฏิบัติงาน  เตรียมการที่จะปฏิบัติการตามแผนที่เคยฝึกซ้อมกันในเรื่องการต้านรัฐประหารแล้ว  มติที่ออกมาในขั้นต่อไปซึ่งซีเรียสมากขึ้นทุกที  ผมเข้าใจว่าประมาณสัก  อาจจะสี่ทุ่ม  ห้าทุ่ม  หรือเที่ยงคืน  ผมจำไม่ได้แน่ว่า  โอเค  สลายการชุมนุม  ตกลงว่าให้สลายการชุมนุม  แต่ปรากฏว่าเมื่อเราออกมติออกมาอย่างนี้แล้ว  พยายามที่จะให้มีการสลายการชุมนุมโดยการให้คนกลับบ้านเนี่ย  ทุกประตูของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถูกปิดล้อมหมดแล้ว  ออกไม่ได้  เราพยายามติดต่อกับเจ้าหน้าที่เพื่อจะขอให้เคลียร์ทางให้เรา  เพื่อจะให้ขบวนของผู้ชุมนุมออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ไม่ว่าจะทางหน้ามหาวิทยาลัยหรือว่าทางประตูหน้าทางสนามหลวงหรือทางท่าพระจันทร์อะไรต่าง ๆ นี้   ก็ไม่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้เลย  ในที่สุดก็เป็นเรื่องที่เราเองก็จำเป็นที่จะต้องอยู่ในมหาวิทยาลัยต่อไป  การชุมนุมในขณะนั้นก็ยังเป็นที่สนามฟุตบอลอยู่  แล้วก็ยังมีการอภิปราย  การแสดงเพลงต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็ประมาณสัก ตีสาม ตีสี่  อะไรอย่างนี้   ตีสาม  รู้สึกว่าจะมีการเผาป้ายที่หน้ามหาวิทยาลัย  แล้วก็มีพวกที่เราเข้าใจว่าเป็นกระทิงแดง พยายามปีนเข้ามา  ปรากฎว่าเราก็ ฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัยก็ผลักดันออกไป  ตอนนั้นก็เริ่มมีการยิงกันบ้างแล้ว

ใจ                     มีการยิงกันนี่  คุณเห็นไหมฮะ

พลสัณฐ์              ไม่เห็น  แต่ว่าได้ยินเสียงปืนชัดเจน เพราะว่ามันอยู่ตรงนั้นเอง

ใจ                     แล้วมีรายงาน

พลสัณฐ์              รายงานว่า

ใจ                     รายงานจากพวกฝ่ายรักษาความปลอดภัย  รายงาน…

พลสัณฐ์               มีครับ  ใช่ครับ

ใจ                     เขารายงานมาว่า

พลสัณฐ์              ว่ามีกระทิงแดงปีนรั้วเข้ามา  หลังจากจุดไฟเผาป้ายหน้ามหาวิทยาลัยแล้วก็พยายามปีนรั้วเข้ามาสามสี่คนหรือไงนี่นะฮะ  …(ฟังไม่ออก)  เขาก็ยิง ก็ขับไล่ออกไป

ใจ                     กระทิงแดงยิงเข้ามาด้วยหรือเปล่า

พลสัณฐ์              กระทิงแดงพูดไม่ได้ว่ายิงเข้ามาหรือเปล่า  เพราะว่าเสียงปืนมันเกิดขึ้นหลังจากที่มีการเผาป้ายแล้วมีคนยิงเข้ามา

ชลธิรา               ในสภาวะวิกฤตเช่นนั้น  พลสัณฐ์ทำหน้าที่อะไร  นอกจากประชุม  คือหมายความว่า  เป็นผู้ดำเนินการประชุม  หรือว่าจะต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าแก้ปัญหาอย่างไร

พลสัณฐ์              ครับ อยู่ในส่วนของการตัดสินใจ

ชลธิรา               อยู่ในส่วนของการตัดสินใจ

พลสัณฐ์             ใช่ครับ  เดี๋ยวคงต้องไปอธิบายกันอีกอันหนึ่งว่าขบวนตอนนั้นมันจัดรูปแบบการทำงานอะไรต่างๆ  กันอย่างไร  ที่พอถึง…เอ่อ…เหตุการณ์มันก็สงบไปพักหนึ่ง  ดูเหมือนว่าเสียงปืน ปัง ปัง ก็เงียบไปพักหนึ่ง  จนกระทั่ง  ผมเข้าใจว่าย่ำรุ่งแล้วนะฮะ  จำไม่ได้แน่  มันอาจจะยังฟ้ามืดอยู่  ผมจำไม่ได้แน่นะครับ  ก็มี M79 ตกเข้ามากลางสนามฟุตบอลเป็นครั้งแรก  นัดแรกปรากฏว่ามันก็มีคนเจ็บ  ช่วงแรก ๆ ก็ยังเอาคนเจ็บลงเรือข้ามไป  ข้ามแม่น้ำไปยังศิริราชได้  ไม่แน่ใจว่าส่งคนเจ็บไปได้หมดหรือเปล่านะ  แต่มีคนมาบอกว่า  ชุดหลังไปไม่ได้แล้ว  คือเรือก็ถูกบล็อคไม่ให้มารับส่ง  แล้วฟ้าสว่างขึ้นเราก็เห็นว่าในแม่น้ำในอะไรต่าง ๆ เนี่ยก็ไม่มีเรือจอดอยู่เลย  ถูกกันออกไปหมด    แล้วการระดมยิงมันก็  พอหลังจากการที่มีน่าจะเป็นตอนสว่างแล้ว  ที่มีการระดมยิงอย่างหนัก  แต่ว่าไม่รู้ทิศทาง  ที่เราตัดสินใจทำได้ดีที่สุดตอนนั้นก็คือ  ให้แยกมวลชนที่อยู่ในสนามฟุตบอลออกจากสนามโดยให้แยกออกไปทั้งสองข้าง  ครึ่งหนึ่งให้แยกไปทางด้านตึกบัญชี อีกครึ่งหนึ่งก็ขึ้นมาทางตึกนิติศาสตร์อะไรต่าง ๆ

ใจ                     ตอนนั้นคุณอยู่ที่ไหนฮะ

พลสัณฐ์              ตอนนั้น  หมายถึงอยู่บนตึกหรือฮะ

ใจ                     ครับ

พลสัณฐ์              ผมก็วิ่งไปวิ่งมาระหว่าง อมธ.  เวที แล้วก็ในสนาม

ใจ                     ได้ยินเสียงระดมยิงหนักมาก  แต่ไม่ทราบว่ามาจากไหน

พลสัณฐ์               ไม่ทราบว่ามาจากทิศทางไหน

ใจ                     มาจากแม่น้ำ  หรือมาจากสนามหลวง

พลสัณฐ์              จากแม่น้ำคงไม่ใช่แน่  น่าจะมาจากด้านหน้า  คงมาจากด้านหน้า

ใจ                     แล้วไงต่อฮะ

พลสัณฐ์               พอเคลียร์คนออกจากสนามฟุตบอลแล้ว  ทางเวทีก็ยังมีจุดหนึ่งที่ยังตั้งลำโพงอยู่ตรงข้างอาคารนิติศาสตร์  ก็ประกาศออกไปว่า  ขอให้หยุดยิง  คนที่พูดหรือประกาศตลอดเวลาจะเป็นสองคนที่ผมจำเสียงได้ คือ สมศักดิ์ กับธงชัย  จะพูดอยู่ตลอดเวลาว่า  เราไม่มีอาวุธนะ  ขอให้หยุดยิง  ผู้ชุมนุมได้แตกออกเป็นสองซีก  สองตึกแล้วเนี่ย  ส่วนตัวผมก็จะเข้ามาอยู่ทางตึกทางด้านนิติศาสตร์  ผู้คนก็แตกตื่นขวัญเสียกันมาก  เข้าไปอยู่ตามห้องเรียนต่าง ๆ   เราก็บอกว่าพยายามติดต่อกลับไปที่บ้านทางโทรศัพท์ก็แล้วกันว่า  เล่าเรื่องให้เขาฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ปรากฏว่ามันก็ใช้ได้พักหนึ่ง  โทรศัพท์มันใช้ได้พักหนึ่ง  แล้วโทรศัพท์ก็ถูกตัดหมด  พอสายสักหน่อยหนึ่งก็มีคน  คือเราคิดว่าเราคงอยู่ตรงตึกนั้นไม่ได้  เพราะว่าการระดมยิงมันหนักจนกระทั่งรู้สึกว่าอยู่เฉย ๆ ไม่ได้  ก็พยายามที่จะออกมาจากตึกนิติศาสตร์  เพื่อจะหาช่องทางว่าจะออกจาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ยังไง  เพราะว่าด้านหน้าออกไม่ได้แน่  เพราะว่ามีม็อบมีอะไรต่าง ๆ มาล้อมอยู่มาก เราก็นึกไปถึงข้างหลัง  ก็พยายามที่จะวิ่งตามตึกอะไรต่าง ๆ ไป  แม้กระทั่งวิ่งตามขอบตึกซึ่งอยู่บริเวณสนามฟุตบอลก็ยังไม่ปลอดภัยเลย  มีอยู่ครั้งหนึ่งซึ่งมาจนถึงตึกวารสารแล้ว  ผมบังเอิญไปเจอคนที่แต่ก่อนเป็นขบวนมอเตอร์ไซค์  ซึ่งเคยเคลียร์พื้นที่ให้ในตอนที่เดินขบวนขับไล่ฐานทัพ  แล้วเขาจำผมได้   เขาก็บอกว่าเดี๋ยวผมขออาสาไปยกธงขาวบอกว่าหยุดยิงอะไรอย่างนี้ ดีไหม คือเขากำลังหาผ้าหาอะไรต่างๆ  ปรากฏว่าปืนมันก็ยิงเข้ามา  แต่ว่าไม่โดนตัวเขานะ  มันโดนผนังตึกตรงวารสารเลย  บอกว่าไม่ต้องออกไป  ออกไปตายแน่นอน ที่เราทำต่อไปก็คือ เราก็พยายามที่จะทะลุตึกวารสาร ซึ่งตอนนั้นประตูหน้าต่างปิดหมด  เราก็แงะกันไป  สักพักหนึ่งก็  เราก็  วิ่งต่อไปก็จะไปติดที่รั้วริมแม่น้ำ  สมัยนั้นยังเป็นตาข่ายเหล็กอยู่  เออ…แล้วจะทำยังไง  ก็มีคนหนึ่ง  มีชาวบ้านนี่แหละ  ผมคิดว่าเป็นพวกม็อบสนามหลวง  เขาก็ไปจัดการแหวกรั้วออกมาได้  แล้วก็วิ่งกลับมารายงานว่าสามารถไปได้แล้ว  โดยการให้วิ่งทะลุตึกโดมแล้วก็ไปลงแม่น้ำ  ระหว่างทางมันก็มีจะผ่าน  เขาเรียกประตูท่าพระอาทิตย์ใช่ไหม  ตรงนั้นต้องระวังหน่อย  เพราะว่ามีการยิงมาจากตรงนั้นด้วย  เสียงปืนมันก็จะดังอยู่ตลอดเวลา

ใจ                     ในช่วงนั้นเห็นคนบุกเข้ามาในธรรมศาสตร์มั้ยฮะ

พลสัณฐ์               บุกเข้ามา  ยังไม่มี  ยังไม่มีใครบุกเข้ามานะฮะ

ใจ                     ยังไม่มีคนบุกเข้ามา  แต่มีคนยิงเข้ามา  แล้วคุณก็ถอยไปที่ท่าพระอาทิตย์

พลสัณฐ์              พยายามเคลียร์คนออกทางท่าพระอาทิตย์  ใช่ครับ

ใจ                     เรื่องโทรศัพท์เนี่ยนะฮะ  สมมติว่าตำรวจต้องการโทรศัพท์เข้ามาในธรรมศาสตร์เพื่อเจรจากับแกนนำนักศึกษานี่ทำได้มั้ยฮะ

พลสัณฐ์              ในตอนสายใช่ไหมฮะ

ใจ                     คือ  ก่อนที่โทรศัพท์จะถูกตัด

พลสัณฐ์              ผมคิดว่าได้ครับ

ใจ                     เขารู้เบอร์โทรศัพท์ไหมฮะ

พลสัณฐ์              รู้ฮะ  เพราะว่าโทรติดต่อกันตลอด  ก่อนหน้านั้นเนี่ยมันโทรหากันตลอดเวลา  หมายถึงมันไม่ใช่แค่กรณี 6 ตุลา  มันทุกกรณีที่ผ่าน ๆ มา  เราโทรฯคุยกันเสมอฮะ

ชลธิรา                คราวนี้เขามีการติดต่อไหมคะ

พลสัณฐ์               ไม่ได้ตั้งแต่ตอนดึกแล้วฮะ  ที่มติว่าจะสลายการชุมนุม  แล้วก็จะขอให้เปิดทางให้ผู้ชุมนุมออกจากธรรมศาสตร์โดยปลอดภัย  เราก็ขอเพียงแค่ตั้งแถวให้เราจากธรรมศาสตร์ไปถึงท่าช้างแค่นั้นแหละ  เพื่อถ้าสมมติว่า เราคิดว่าไปถึงท่าช้างมันเป็นบริเวณที่ค่อนข้างจะโล่งแจ้ง อะไรต่าง ๆ  เปิดเผย  แล้วก็คงจะสามารถที่จะแยกย้ายกันขึ้นรถเมล์ หรืออะไรต่าง ๆ กลับบ้านได้ คิดว่า  แต่ว่าเราก็ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่ตอนนู้นแล้ว  ไม่ใช่โทรศัพท์ถูกตัดนะ  แต่ว่า

ชลธิรา                 ที่ว่าติดต่อไม่ได้นี่เป็นยังไง  โทรแล้วไม่อาจพูดกับบุคคลที่เราประสงค์ได้

พลสัณฐ์               คือ  ใช่ฮะ  คนที่มีหน้าที่ติดต่อ  คือตอนนั้นแบ่งหน้าที่กันว่า  สมมุติว่าพอมีมติแล้วเนี่ยคนที่จะติดต่อได้น่าจะเป็นตัวเปิด(?)ทั้งหลายซึ่งตอนนั้นก็อาจจะเป็นสุธรรม  เป็นอะไรอย่างนี้นะฮะ  กลับมาบอกว่าติดต่อไม่ได้  ติดต่อใครไม่ได้เลย

ชลธิรา                ปกติเราติดต่อกับนายตำรวจท่านใดบ้าง  เวลาประสานงาน

พลสัณฐ์               มันก็เริ่มจากท้องที่  ก่อนอื่นเลยคือ ตำรวจท้องที่  ซึ่งตอนนั้นก็จะเป็นคุณธีรชัยนี่นะฮะ

ใจ                     ที่เขาบอกว่าติดต่อไม่ได้  นี่คือว่าโทรไม่ติด  หรือว่าไม่มีใครรับสาย  หรือว่าไม่มีใครอยากคุยด้วย

พลสัณฐ์               น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ  น่าจะเป็นไม่รับการติดต่อ เพราะว่าติดต่อใครไม่ได้เลย  ขนาดตอนเช้าเองซึ่งเมื่อสถานการณ์มันมีการยิงกันแล้ว  เราก็พยายามที่จะให้สุธรรมออกไปพบกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลว่าขอให้สั่งหยุดยิง  เพราะว่าพวกเราชุมนุมโดยสงบไม่มีอาวุธ  ไม่จำเป็นต้องยิงขนาดนั้น  มันยิงกันอย่างชนิดที่ไม่มีเสียงเว้นวรรคเลย  ไม่รู้ว่ามันเป็นไปได้ยังไง  ไม่รู้ว่ามันจะทำเพื่ออะไร  หรือว่าทำไมต้องทำขนาดนั้น  คือจะสลายการชุมนุมไม่ได้ยากเย็นอะไร  ใช้กำลังตำรวจบุกเข้ามา  แล้วก็สั่งให้หยุดเลิกอะไรต่าง ๆ มันก็จบแล้ว  แต่นี่มันเป็นเรื่องที่แบบกระหน่ำยิงอย่างชนิดที่ ผมคิดว่าเขาตั้งใจเอาให้ตาย พอดีมีที่อยู่ระหว่างกำลังจะเคลียร์คนออก  กำลังหาช่องทาง  ก็มีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งมาจากหน้าหอใหญ่  ตอนนั้นหอใหญ่ถนนมันยังเป็นเนินอยู่  มันไม่ได้เรียบเท่ากันเหมือนทุกวันนี้  จากประตูแล้วมันก็จะขึ้นเนินมาทางหน้าหอแล้วก็ลาดต่ำมาที่สนามฟุตบอล  เขารู้สึกว่าเขาจะอยู่ตรงหลังเนินนี้  แล้วตรงนั้นก็มีฝาท่อระบายน้ำอยู่แผ่นหนึ่ง  ผมเจอเขาขณะที่เขาเองก็ตาลอยแล้ว  แล้วก็เห็นเลือดในตัวเขานี่เยอะ  ผมก็ถามเขาว่าโดนยิงหรือเปล่า  เขาบอกว่าไม่เห็นเลือดท่วมหรือไง  เขาบอกเขาอยู่ตรงนั้นสี่คน  ปรากฏว่ามีฝาท่ออันหนึ่งที่ยกขึ้นมาบังไว้  เขาบอกว่าแม้กระทั่งขาที่ยื่นออกไปยังถูกยิงเลย  ยังยิงถูกขาเลย  แสดงว่าหน่วยที่ยิงเขาว่าเป็นหน่วยที่ติดกล้องเล็ง  ชื่อหน่วยสวาท  ที่ยิงมาจากทางพิพิธภัณฑ์  คนแรกที่เขาบอกว่าพยายามที่  ระยะมันก็แค่นิดเดียว  ถ้าเราจะดูไอ้ทางหน้าหอเนี่ยนะ  เขาจะต้องวิ่งมาทางหลังหอใหญ่ให้ได้  แค่นั้นเองเขาก็รอดแล้ว  ผมคิดว่ามันคงไม่กี่ก้าว  ไม่น่าจะเกินสักยี่สิบก้าว  วิ่งให้ไว ๆ มันก็แค่ไม่กี่วินาที  แต่ว่า  ปรากฏว่าก็มีรอดมาสองคน  คือตัวเขากับเพื่อนอีกคนหนึ่ง  แต่เพื่อนเขาบาดเจ็บ  ทุกวันนี้ก็ยังด้วนอยู่  นิ้วขาด  อีกสองคนไม่รอด  ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องยิงกันขนาดนั้น  ในขณะที่เพียงแค่วัตถุประสงค์ก็คือ  ต้องการให้มีการสลายการชุมนุมเท่านั้น  ถ้าตั้งใจให้มีการยุติการชุมนุมเหมือนที่ก่อนหน้านั้นพยายามบอกเรา

ชลธิรา                พอจะพูดถึงหน่วยสวาทได้ไหมคะ  เมื่อกี้เอ่ยชื่อ  หมายถึงว่าเป็นหน่วยที่อยู่ภายใต้การนำของใคร  ตามความเข้าใจในช่วงนั้น

พลสัณฐ์              ไม่ทราบเลย  ไม่ทราบเลยฮะ

ใจ                     คราวนี้ พอพลสัณฐ์ออกไปกับมวลชนทางด้านท่าพระอาทิตย์

พลสัณฐ์               ไม่ฮะ  ทางด้านแม่น้ำ  ลงแม่น้ำหมด  ออกถนนพระอาทิตย์ไม่ได้  จุดที่เรียกว่าไม่มีการยิงจะมีอยู่จุดเดียว  คือเรียกว่าปลอดกระสุนปืนหน่อย คือแม่น้ำ  ดังนั้นก็ต้องลงแม่น้ำ  ท่าพระจันทร์ตอนนั้นก็คุมสภาพไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร  แต่ว่าชุดแรก ๆ ที่โดดออกทางแม่น้ำแล้วเดินเลียบไปขึ้นทางท่าพระจันทร์  ตำรวจหน่วยที่รออยู่บริเวณนั้นก็ยังไม่ยิงนะฮะ  ยังไม่มีคำสั่งยิง  แล้วก็ยังช่วยดึงขึ้นมา  ก็เป็นตำรวจกองปราบ  ก็พยายามดึงคนขึ้นมา ๆ ๆ ลากกันขึ้นโป๊ะกันมา  ผมคิดว่าตรงนั้นก็หลายร้อยคน  แล้วก็พอคนที่ออกมา  ขึ้นจากน้ำได้ก็จะเข้าไปอยู่ตามบ้านประชาชนแถวนั้น

ใจ                     รู้ได้ไงว่าเป็นตำรวจกองปราบ

พลสัณฐ์               รู้เพราะมีเครื่องหมายไงฮะ  มีอาร์มที่แขน  แล้วก็พวกเราทั้งหมดส่วนที่ไม่สามารถจะเข้าตามบ้านประชาชนได้ก็จะทะลักออกมาที่ถนนตรงบริเวณวัดมหาธาตุ  แล้วก็ถูกจับกันที่นู้น  ถูกสั่งให้หมอบนอนกับถนน

ใจ                     ตลอดเวลาที่อยู่ในเหตุการณ์  เห็นคนบุกเข้ามาในธรรมศาสตร์ไหม  หรือว่าไม่เห็น

พลสัณฐ์               ไม่เห็นครับ  เพราะว่าอาจจะเป็นช่วงที่การเคลียร์ของตึกนิตินี่มันยังค่อนข้างเร็ว

ใจ                     แล้วเห็นหน่วยงานของรัฐหน่วยไหนบ้าง  นอกจากตำรวจกองปราบ

พลสัณฐ์              ไม่เห็นครับ

ใจ                     เห็นแต่กองปราบ  ตอนถูกจับ  ก็เห็นแต่กองปราบ

พลสัณฐ์              ใช่ครับ

ใจ                     เห็นทหารไหม

พลสัณฐ์              ทหารไม่เห็นครับ

ใจ                     งั้นช่วยเล่าเรื่องลักษณะองค์กรได้ไหม  เรื่ององค์กรปิด  องค์กรเปิด  (เทปหมดด้าน)

ชลธิรา                สมมติว่าเราจะ….(ฟังไม่ออก) …จากบริบทตามกาละเทศะในช่วงนั้น  เพราะฉะนั้นมันก็จะเป็นเหมือนกับว่าเป็นประวัติศาสตร์ช่วงยาวที่เป็นบริบท  ประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษาประชาชน  แล้วเหตุการณ์มันเกิดขึ้นในบริบทนั้น  เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์เราค่อนข้างได้ภาพชัดแล้ว  แต่ไอ้ตัวบริบททั้งหลาย  องค์กรต่าง ๆ กลุ่มต่าง ๆ ส่วนทั้งเปิด  ส่วนทั้งปิด  อะไรพวกนี้ยังเบลออยู่  เท่าที่ฟังคำให้การมา

พลสัณฐ์               อย่างที่เมื่อกี้เรียนไปตอนต้นว่า  สิ่งหนึ่งที่ขบวนนักศึกษาให้ความสนใจอย่างยิ่ง  ก็คือเรื่องการปรับปรุงองค์กรจัดตั้ง  ตั้งแต่ปี 2518 เป็นต้นมา  ผมคิดว่ามีการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังโดยทั่วไป  ทั้งในส่วนกลาง  ในส่วนภูมิภาค  หนึ่ง  ก็คือ  มีการระดมกันในเรื่องการศึกษา  หาทฤษฎีความคิดในเรื่องการที่จะทำไงถึงจะพัฒนาการจัดตั้ง  มีการวิเคราะห์วิจารณ์ถึงปัญหาอุปสรรคชนิดต่าง ๆ ของการที่เราทำไงที่จะ..ทำไมการจัดตั้งของเรามันถึงไม่เข้มแข็ง  อะไรอย่างนี้นะ  วิเคราะห์วิจารณ์กันไปถึงปัญหาเรื่อง  สมัยนั้นเราเรียกว่าเรื่อง ชีวทัศน์ นะ ก็คือการดำเนินชีวิตส่วนตัวอะไรต่าง ๆ ทุกเรื่อง

ชลธิรา                ที่พูดถึงเรื่องในการศึกษาทฤษฎีความคิดนี่  ขยายความสักนิด  ได้ไหมคะ  ทฤษฎีความคิดอะไร

พลสัณฐ์               ที่มากที่สุดในช่วงนั้นก็คงเป็นทฤษฎีความคิดของทางค่ายสังคมนิยม  ซึ่งเป็นทั้งในแง่ปรัชญา  ทั้งในแง่เศรษฐศาสตร์การเมือง  แล้วก็หลายส่วนก็จะได้อ่านถึงอาจจะเป็นพวกงานนิพนธ์(ไม่แน่ใจ)ของเหมาเจ๋อตุ๋งอะไรต่าง ๆ เหล่านี้นะฮะ  ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งของขบวนการฝ่ายประชาชน  โดยสภาพการณ์นับตั้งแต่ปี 2517 เป็นต้นมา  การต่อสู้มัน…(ฟังไม่ออก)ผลมาก  อย่างชนิดที่เรียกว่าไปยืนเท่อยู่ไม่ได้   ยังไง ๆ มันบีบให้เราต้อง…มันไม่ใช่แค่เรื่องการระมัดระวังตัวให้ปลอดภัย  แต่ว่าจิตสำนึกของขบวนในขณะนั้นเป็นเรื่องที่  ทำไงเราถึงจะสร้างชาติที่ดีได้  หลังจากที่เราถูกกดมาเป็นเวลายาวนานใช่ไหม  ชาติที่ดีของเรามันก็ง่าย ๆ มันก็เป็นเรื่อง  ทำไงจะให้มีเอกราช  ทำไงจะให้สังคมเราจะมีประชาธิปไตยแท้  ให้คนที่อยู่ในวงการรัฐฟังเสียงประชาชน  หรือทำตามเสียงของประชาชน  แล้วก็ทำไงที่จะให้สังคมเรามีความเป็นธรรม กินดีอยู่ดี ธงสามผืนที่เราชูในขณะนั้นก็คือ  เอกราช  ประชาธิปไตย  และความเป็นธรรมในสังคม  แล้วทุกปัญหามันชัดเจน  สัมผัสได้  ในขณะที่กระแสของนักศึกษา ประชาชน  ทุก ๆ วงการ  มันถูกเรียกว่าปลุกให้ตื่นว่านี่คือปัญหาของสังคม  ในขณะนั้นกับขณะนี้มันต่างกันเยอะ  ต่างกันเยอะมาก  เดี๋ยวนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องส่วนร่วมมาก  แต่สมัยนั้นมันก็แทบจะไม่ค่อยได้พูดกันเรื่องส่วนตัว ใครมีเรื่องส่วนตัวนิดเดียวก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์  พากันไปดูหนังสองชั่วโมงหายไป  อย่างสมมติว่าผมออกจากรามคำแหงไปธรรมศาสตร์มันควรจะสองชั่วโมง  ผมหายไปสี่ชั่วโมง  ถูกเรียกมาคุยแล้ว  แสดงว่าออกนอกเส้นทางใช่ไหมฮะ  ทีนี้  ที่ว่าพูดถึงว่าในแง่นั้น  สภาพเงื่อนไขที่มันบีบรัดว่าเราจะต้องพยายามที่จะรักษาขบวนการต่อสู้ประชาชนให้ได้  และทั้งในแง่ของความพัฒนาตัวของขบวนเองก็มีความตื่นตัวมีความเร่าร้อนในการที่จะพัฒนา  ดังนั้นเป้าหมายของเรามันจึงเป็นเรื่องที่จะทำยังไงให้ขบวนของเรามีความเข้มแข็ง  วิธีการนั้นมัน  คำตอบนั้นมัน  คือคำถามมันคือคำตอบโดยตัวของมันเอง  ก็คือว่า ในเมื่อเราอยู่อย่างเปิดเผย  อย่างจริงใจ อย่างอะไรต่าง ๆ มันถูกฆ่าเยอะไงฮะช่วงนั้น  ถูกฆ่ายิ่งมาก  ทั้งที่เปิดเผย  ไม่เปิดเผยก็เยอะ  ที่เปิดเผยเราก็เห็นกรณีของพ่อหลวงอินถา  ของคุณอมเรศ ….(ฟังไม่ออก)  ของอาจารย์บุญสนอง  อะไรอย่างนี้  พวกนี้ล้วนแล้ว  แล้วพวกที่ลงไปในชนบท  พวกที่ในโรงงานก็เจออย่างนี้ทั้งนั้น  เจอการที่เข้าคุกคาม  เจอการเข้าปราบ  ผมพานักศึกษาเข้าไปในชนบท  ผมก็ไปถูกปิดล้อมอยู่ในหมู่บ้าน  แล้วก็จับตัวออกมาแห่ประจานรอบเมือง  เอาไปถ่ายรูป  แล้วเอาไปแบบสัญญาว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก  อะไรอย่างนี้นะฮะ  ทำนองอย่างนี้  มันก็เป็นอย่างนี้ไปหมด  ในโรงงานก็เช่นเดียวกัน  ในโรงงานนี่ผมเข้าใจว่าหลายคนคงจะเคยไปอยู่ในโรงงานฮาร่ามาทั้งนั้น  แล้วก็มีกุหลาบแดง  กุหลาบไฟ  กุหลาบดำ  อะไรไม่รู้ ขบวนที่มันมีเรื่องกันเกือบทุกคืน  มีการคุกคามกันอยู่เกือบทุกคืน  สิ่งเหล่านี้มันสั่งสมมาตั้งแต่ปี 17, 18  มันบอกเราว่า  เราจะไปยืนแบก…(ฟังไม่ออก)  ไม่ได้แล้ว  เราเองต้องปรับตัว  ถ้าเราคิดจะต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของสังคม  แน่นอนที่สุดว่า  ไอ้บรรดาภาพที่มันเคยเปิดเผยไปแล้ว  ก็ต้องเปิดเผยไป  แต่ส่วนที่จะเป็นรากจริง ๆ  เป็นส่วนที่เราไม่จำเป็นต้องบอกใครว่าใครทำอะไร  คืองานส่วนที่เรียกว่าลับนั่นเอง  มันก็ก่อฐานมาจากพรรคในมหาวิทยาลัย  ทุก ๆ มหาวิทยาลัยจะเป็นเช่นนี้หมด  ผมคิดว่ามหาวิทยาลัยหลัก ๆ ในประเทศเป็นเช่นนี้ทั้งสิ้น  ดังนั้นนอกจากจะทำยังไงให้แต่ละที่มีฐานมีผู้ปฏิบัติงานที่ขยายตัวต่อเนื่อง  มันจะยังต้องคิดถึงภารกิจว่า  ทำยังไงมันจะสร้างความเชื่อมโยง ให้มีความเป็นเอกภาพ  จนกระทั่งถึงภาพสุดท้ายที่พวกเราทำกันก็คือว่า  เราเอาบรรดา  คือพรรคนักศึกษาในมหาวิทยาลัย  นอกจากจะคัดคนว่าใครจะเข้าไปทำงานในองค์กรนักศึกษา  ใครจะทำงานอยู่ในศูนย์นิสิต  ใครจะอยู่ที่ไหนอะไรต่าง ๆ แล้วเนี่ย ก็ยังมีส่งว่าใครจะเป็นตัวแทนที่จะมาประสานงานกันในส่วนกลาง  ซึ่งเราเอง  ด้วยความจำกัดด้วยเพราะเราตั้งฐานปิดมาจากฐานที่เปิดเผย  เพราะฉะนั้นเราก็เลยใช้วิธีการจัดแกนตรงนี้ออกมาเป็นสองระดับ  ระดับหนึ่งคือระดับที่เรียกว่ามีความจำเป็นในการที่จะประสานงานกับคนส่วนกลาง ซึ่งมีโอกาสเปิดเผยอยู่  เราเรียกว่า..เนื่องจากตอนนั้นมันเขียนขึ้นมาแล้วมันเอาเมจิกสีม่วงระบาย  เขาก็เลยเรียกว่า  ไอ้พวกแกนม่วง  ส่วนอีกพวกหนึ่งก็คือพวกที่จะไปเชื่อมต่อกับพรรคนักศึกษาในมหาวิทยาลัย  พวกนี้อยู่วงนอกมาอีกชั้นหนึ่ง  ตอนนั้นระบายด้วยเมจิกสีเหลืองก็เรียก  สีเหลือง  คนพวกนี้ก็จะเป็นพวกที่เรียกว่า  ไม่ได้ออกทีวีอะไรต่าง ๆ  ไม่ได้ขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์อะไรทั้งนั้น  แต่ว่ามีหน้าที่ในการประสานให้มติของการประชุมรวมไปยังพรรคนักศึกษาต่าง ๆ ไปยังมหาวิทยาลัยต่าง ๆ แบบนี้  สีเหลืองจะทำหน้าที่นี้   ส่วนสีม่วงจะทำหน้าที่ในการที่จะประสานกับองค์กรเปิดทั้งหลาย  ตอนนั้นขบวนมันก็เยอะเหลือเกิน  สารพัดชื่อ  และกับพรรคนักศึกษา  กับมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดด้วย  จะแบ่งกันว่าใครจะไปประสานกับสงขลา  ใครจะไปขอนแก่น  ใครจะไปเชียงใหม่ อะไรอย่างนั้น  ก็แบ่ง ๆ หน้าที่กันไป

ใจ                     คือว่าม่วงนี่  ม่วงกับเหลืองเป็นคนที่ไม่ออกหน้า

พลสัณฐ์              ครับ  ใช่ครับ

ใจ                     ม่วงก็จะประสานกับศูนย์กลางที่เปิดเผย

พลสัณฐ์              ม่วงเหลืองนี่ประชุมด้วยกันนะฮะ

ใจ                     เหลืองจะประสานกับพรรคต่าง ๆ  แล้วม่วงเหลืองจะประชุมด้วยกัน  ประชุมลับ

พลสัณฐ์              โดยทั่วไป   จะเรียกว่าอะไร  ก็คัดคนน่ะฮะ  เรียกว่าประชุมลับก็ได้

ใจ                     ทีนี้ในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ  คือ  เมื่อกี้พูดถึงสามส่วน  คือ  พรรคตามมหาวิทยาลัย  ศูนย์นิสิตนักศึกษา  แล้วก็ม่วงเหลือง  ใครเป็นคนตัดสินเรื่องนโยบาย  การเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษา

พลสัณฐ์              โดยทั่วไปส่วนแกนนำตรงนี้เนื่องจากจะติดตามสถานการณ์ทุกวัน  อย่างที่ผมบอก  พวกเราโดยทั่วไปก็ไม่ได้เรียนหนังสือ  แต่ว่าประชุมกัน  และการเคลื่อนไหวทางการเมืองตอนนั้นก็เรียกว่ามีทุกวัน  มีทุกวัน  หลัก ๆ เออ…ไม่ใช่ฮะ  โดยทั่วไปต้องถือว่าการพิจารณาปัญหาหรือว่าการออกมติต่าง ๆ  มันออกมาจากที่นี่  นอกจากประเด็นที่แปลกใหม่หรือประเด็นที่ใหญ่อย่างนี้นะฮะ  ก็จะให้แกนสีเหลืองไปซาวความเห็นอะไรต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยมาก่อน  ซึ่งพวกนี้ก็จะไปประชุมกันในมหาวิทยาลัย  ในพรรคนักศึกษาต่าง ๆ แล้วก็จะมีความคิดความเห็นต่าง ๆ ส่งกลับขึ้นมา

ใจ                     คือคุณกำลังเสนอว่าการประชุมร่วมกันของม่วงเหลืองเป็นแกนนำจริงของนิสิตนักศึกษา  มติต่าง ๆ ออกมาจากการประชุมร่วมกันของม่วงเหลือง

พลสัณฐ์              จะเรียกว่าแกนนำจริงก็ไม่ได้นะฮะ  คือ ใช้ศัพท์คำนี้แล้วเดี๋ยวมันจะกลายเป็นว่าส่วนอื่น ๆ มันจะกลายเป็นของเทียมไป  ไม่ใช่ฮะ  คือ  มันเป็น  เราพยายามที่จะหากรรมวิธีในการที่จะทำงานให้  เรียกว่ายังไงฮะ  มีประสิทธิภาพ  รักษาความลับได้  รักษาชีวิตได้  ดังนั้นก็คือ  ต้องให้มีการจำแนกหน้าที่กัน  เนื่องจากขบวนการที่ตอบโต้มาเนี่ยมันรุนแรง  มันเอากันถึงเลือดถึงเนื้อถึงตาย  เพราะฉะนั้นส่วนที่เปิดเผยไปแล้ว  จำเป็นต้องเปิดเผยไป  แล้วคนที่เปิดเผยหมายความว่าถูกติดตาม  ถูกติดตามโดยหน่วยข่าว  ผมมารู้หลังจากที่ผมถูกจับว่า ตอนที่สันติบาลเอาแฟ้มมาสอบสวนผมเนี่ย  เขาติดตามผมมากว่า 2 ปี ไอ้เหตุการณ์ต่าง ๆ มันละเอียดมาก  มันละเอียดมากจริง ๆ   นี่เขาใช้วิธีไหนเนี่ยถึงมาติดตามเราได้มากขนาดนั้น

ใจ                     ฉะนั้นคุณอยู่ในส่วนของม่วงใช่ไหมครับ

พลสัณฐ์              ส่วนของม่วงครับ

ใจ                     แต่ก็ยังถูกติดตาม

พลสัณฐ์              หัวเราะ…ก็อย่างที่ว่านะฮะ  ว่าเราแปลงสภาพจากองค์กรเปิดมาใช่ไหม

ใจ                     เข้าใจ…นี่ไม่ใช่ตำหนิฮะ

พลสัณฐ์               แม้ว่าจะพยายามระวังอะไรต่าง ๆ แล้ว  แต่ว่าอย่างที่ว่าขบวนของเรามันเริ่มจากความ..เอ่อ…เรียกว่ายังไงฮะ  ความจริงใจ  เรามันใสเกินไป  เราไม่ได้เริ่มจากขบวนการใต้ดิน  แต่ว่าเราสรุปบทเรียนจากความเป็นจริงว่า  ถ้าเราเปิดเผย จริงใจ ตรงไปตรงมา อะไรต่าง ๆ มันก็มีแต่ถูกฆ่าไปทุกวัน  ขบวนเนี่ยมันก็จะมีแต่ถูกทำลายลงไปเรื่อย ๆ  ตอนช่วงนั้นที่การคุกคามผู้นำมันเกิดขึ้นโดยทั่วไปนะครับ  ฉะนั้นเราก็เพียงแต่คิดว่าทำไงเราจะมีกรรมวิธีทำงานที่ดีขึ้น

ใจ                     คือ  คำถามเดิมของผมคืออยากจะทราบว่าส่วนไหนขององค์กรนักศึกษาเป็นส่วนที่ออกนโยบาย  ที่ประชุมกันแล้วก็ออกนโยบาย

พลสัณฐ์               ถึงจุดที่มันเป็นประเด็นใหญ่ ๆ หรือว่าเป็นประเด็นที่ crisis  มันก็ร่วมกันเยอะนะครับ

ใจ                     ร่วมกันทั้งศูนย์กลาง  ทั้งส่วนปิด  ร่วมกัน

พลสัณฐ์               ทั้งเปิดทั้งปิดอะไรต่าง ๆ  ใช่ฮะ  ร่วมกัน   แต่ว่าพวกที่แบบเยอะ ๆ ก็จะมาประชุมกันโดยที่ว่า  คล้าย ๆ ว่า  สมมติว่าเราจะเคลื่อนไหวเรื่องขับไล่ฐานทัพอย่างนี้นะฮะ  เราก็เชิญผู้คนอะไรต่าง ๆ  องค์กรต่าง ๆ ทุกคนเนี่ยมา  บรรดาผู้นำผู้ที่โด่งดังทั้งหลายก็มาหมดนะฮะ  แต่ว่าเราก็คล้าย ๆ กับเราเป็น เหมือนกับเป็น arranger  เป็นอะไรอย่างนั้น  แค่นั้นน่ะ

ใจ                     คือหน้าที่พิเศษของม่วงเหลือง คือเป็นคนไปจัดการ

พลสัณฐ์               ครับ  ใช่ครับ  แต่ว่ามติว่าจะต้อง   ผมจะอธิบายอย่างนี้  เข้าใจไม่งง  ไม่ไขว้เขว้นะ  ผมกลัวพูดไปเดี๋ยวจะทำให้สับสน

ชลธิรา                …(ฟังไม่ออก)  บางอย่างอาจจะ off record ก็ได้

พลสัณฐ์               ครับ

ใจ                     คือถ้าอยากให้ปิดเทปเมื่อไหร่  ก็บอก

พลสัณฐ์               ครับ

ใจ                     คือ  ถ้าผมเข้าใจว่า  คือที่อธิบายว่ามีการแบ่งหน้าที่กัน    แล้วถ้าทำความเข้าใจว่าหน้าที่หลักของม่วงเหลือง  คือ  การไปจัดการ  อันนี้จะถูกไหม

พลสัณฐ์               ครับ  ถูกครับ

ใจ                     แต่ว่าในเรื่องของการออกนโยบาย  จะออกร่วมกันระหว่างเปิดกับปิด  และจะหารือร่วมกันเรื่องนโยบาย  และก็จะมาสรุปนโยบายร่วมกัน

พลสัณฐ์              ใช่ครับ  คือ  ผม  เดี๋ยวนะฮะ  ผมทำความเข้าใจกับคำถามของใจนิดหนึ่งว่า  นโยบายเนี่ยหมายถึงยังไงฮะ  ออกนโยบายอะไรอย่างนี้

ใจ                      คืออย่างเช่น  ควรจะต่อต้านถนอมหรือไม่  ควรจะชูประเด็นอะไรขึ้นมาบ้าง  ควรจะเคลื่อนไหวในทิศทางไหน

พลสัณฐ์               อ๋อ…  เอ่อ…ถ้ายังไงมัน  คือเรื่องอย่างนี้ในสมัยนั้นมันไม่มีการถกกันนะครับอาจารย์  มันเป็นเรื่องที่รู้เลยว่า  ต้องทำ

ใจ                     หรือเรื่องจัดเวทีที่ไหน  สนามหลวง  หรือธรรมศาสตร์  หรืออะไร  เรื่องที่จะตกลงร่วมกัน

พลสัณฐ์               ใช่ครับ  อย่างนั้นล่ะใช่ครับ   นี่คือหน้าที่ของเรา  ม่วงเหลืองเนี่ยครับ  หน้าที่  สมมติว่าถนอมเข้ามาปุ๊บเนี่ย  แน่นอนเลย  กลุ่มนี้เข้ามาประชุมก่อน  จริง  ๆ ก็ประชุมกันมาทุกวันอยู่แล้ว  พอประชุมเรื่องนี้ปุ๊บเนี่ย  สมมติว่าเราคิดว่ามันควรจะมีม็อบ  สมมติอย่างนี้นะฮะ  ควรจะมีการชุมนุม  ในขั้นต้นเราก็คงจะต้องเชิญ  ผู้คนทั้งหลายอะไรต่าง ๆ มาคุยกัน  ธรรมดามันก็เจอหน้ากันอยู่แล้ว  ไม่ว่าจะเป็น  พี่เทียนชัย  ใครล่ะ  คุณสุธรรม  ใครต่อใครพวกนี้นะฮะ มันก็เจอกันอยู่ในตึกอมธ.อะไรต่าง ๆ กันตลอดเวลาอยู่แล้ว  แต่ว่าพอถึงเป็นกรณีแบบนี้ขึ้นมา พอวันที่เท่าไหร่  ถนอมเข้ามาปุ๊บ   พอพวกเราประชุมกัน  แทบจะเรียกว่าประชุมกันไม่กี่นาที   เราก็รู้แล้วว่าเราต้องเรียกทุก ๆ คนมาร่วมกันพิจารณาว่าสถานการณ์จากตรงนี้ไป  พวกเรามองปัญหายังไง   เกิดสถานการณ์ชนิดไหนขึ้นมาแล้วเราจะรับมือยังไง  ดังนั้นพอเสร็จแล้วมันก็จะมีมติว่าขอให้มีการรณรงค์ติดโปสเตอร์  ทำอะไรต่าง ๆ  อย่างนี้นะฮะ  ให้มีการเคลื่อนไหวในขอบเขตทั่วกรุงเทพฯ  อะไรอย่างนี้นะฮะ

ใจ                     คือเวลาจะตกลงกันว่าจะรับมืออย่างไร  คือทำร่วมกับฝ่ายเปิดด้วย

พลสัณฐ์              ใช่ครับ

ใจ                     ทีนี้อยากถามว่าม่วงเหลืองมีความสัมพันธ์อย่างไรกับพคท.

พลสัณฐ์               ความสัมพันธ์กับ พคท.   อันนี้ off record ได้ไหมครับ

ใจ                     ตอนนี้ใกล้หมดเวลา  ขอโทษด้วยนะฮะ  เพราะว่าพยานคนต่อไปเขามารอแล้ว  แต่ว่าถ้าถามคำถามสั้น ๆ คือว่ากำลังพูดถึงเรื่องหนังสือนะฮะ  คือหนังสือที่บอกว่ามีส่วนในการเปลี่ยนความคิดของนักศึกษาอย่างคุณ  เป็นหนังสือฝ่ายซ้าย

พลสัณฐ์               ครับ ใช่ครับ ทั้งหมดน่ะ   ตอนนั้นมันเกลื่อนเมือง  ผมคิดว่าแต่ละคนที่สนใจในปัญหาบ้านเมืองเนี่ยนะฮะ  ต้องมีหนังสือประเภทนี้ไม่ต่ำกว่าร้อยเล่มที่บ้านแน่ ๆ   พวกที่แบบบ้าซื้อบ้าอ่านหน่อยก็อาจจะมีหลายร้อยเล่ม  เป็นเช่นนี้กันทั้งนั้น  หนังสืออะไรออกมาก็ซื้ออ่านหมด

ใจ                     ทีนี้  ถ้าจะประเมินอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์ไทยจากจุดที่คุณเห็น  คิดว่าอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์ไทยในขบวนการนักศึกษาเน้นไปในรูปแบบการจัดตั้ง  หรือเน้นไปในรูปแบบความคิดที่ผ่านไปในหนังสือประเภทแบบนี้

พลสัณฐ์              ถ้าสำหรับตัวผม  ผมคิดว่ามาในแง่ของในแง่ความคิดมากกว่า  คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น  เพราะว่าในแง่การจัดตั้ง  ในแง่การเมือง อะไรต่าง ๆ เนี่ย  ผมพูดจากตัวผมเอง  ผมคิดว่ามันเป็นการก่อรูปโดยธรรมชาติของสังคมเอง  ผมไม่คิดว่าพรรคคอมมิวนิสต์จะมีศักยภาพมากขนาดที่จะมาทำให้เกิดขบวนอะไรใหญ่โตขนาดนั้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผมได้ไปสัมผัสกับหน่วยที่เรียกว่า สยช. เนี่ยนะฮะ

ใจ                     ผมมีคำถามอีกคำถามหนึ่ง  คือว่าในช่วง 6 ตุลาเนี่ยนะฮะ   คือตอนแรกพูดถึงสิ่งที่ต้องการคือ ชาติที่ดี  เอกราช  ประชาธิปไตย และสังคมที่เป็นธรรม  คิดว่าตอนช่วง 6 ตุลา สิ่งที่นักศึกษาทำห่างเหินจากประชาชนไหมฮะ

พลสัณฐ์              ผมคิดว่ามันจะตรงกันข้ามเลยนะฮะ

ชลธิรา                แน่นที่สุด

พลสัณฐ์              แน่นที่สุดใช่ฮะ  เพราะว่าเรามีภาพของคำว่าประชาชนเนี่ยชัด  เรามีความเข้าใจถึงคำว่า ชาติ เนี่ยชัด  มันถูกตีความถูกพูดถึงถูกอะไรต่าง ๆ เนี่ยอย่างชัดเจน  แล้วผมคิดว่าในขณะนั้นเนี่ยแทบเรียกว่าไม่ใช่คำว่าชาติด้วยซ้ำ  เพราะว่ามันเป็นคำซ้ำกับที่อีกฝ่ายหนึ่งเขาก็ใช้  แล้วใช้อย่างเบลอ ๆ อย่างมั่ว ๆ ตีคลุมเอา  เพราะฉะนั้นขบวนนักศึกษาในขณะนั้นจึงใช้คำว่าประชาชนเป็นสำคัญ  แล้วไม่ใช่เป็นประชาชนแบบลอย ๆ มันเป็นประชาชนที่นักศึกษาที่สนใจงานกรรมกรก็ได้ลงไปสัมผัส  เขาเห็นเยอะฮะว่าไอ้บรรดาสิ่งที่กรรมกรเรียกร้อง  ไม่ได้อยู่นอกเหนือกฎหมาย  เขาเพียงแต่เรียกร้องให้มันได้ตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้นเอง

ใจ                     แล้วประชาชนก็สนับสนุนขบวนการ  หรือว่าไม่เข้าใจ

พลสัณฐ์               ประชาชนจะมีจำนวนหนึ่งที่สนับสนุนอย่างถาวร  ผมเรียกได้เลยว่าถาวร  คือพวกนี้บอกว่า ม็อบ เมื่อไหร่ก็มา  แล้วหลัง ๆ เนี่ยนะแทบจะเรียกว่าเป็นฝ่ายกำหนดสถานการณ์ด้วยซ้ำ  ไอ้ม็อบสนามหลวงเนี่ยแหละ  ยังไม่ทันอะไรเลยมากันแล้วเป็นหมื่น  สถานการณ์  ผมยกตัวอย่างไอ้เรื่องของการขับไล่ฐานทัพ  ก่อนที่จะเคลื่อนขบวน  ตอนนั้นก็ประชุมวิเคราะห์กันว่า  ออกไปเจอแน่  มีปัญหาแน่นอน  แล้วเราก็รู้ล่วงหน้าด้วยว่า  ไอ้พวกกระทิงมันก็เอาลังกระสุนอะไรต่ออะไรไปตั้งขู่ไว้ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  แต่เราไม่เดินขบวนไม่ได้  เพราะไอ้ม็อบข้างนอกมันกดดันอยู่  ไม่ได้  เราทำต่ำกว่านั้นไม่ได้  ตอนนั้นจะมีปัญหาที่คุยกันอยู่ตลอดเวลาในที่ประชุมว่า  มันจะล้ำหน้ามวลชนไหม  มันจะล้าหลังมวลชนไหม  เป็นเรื่องที่พิจารณายากจริง ๆ ทีนี้บางทีมันเป็นเรื่องที่พูดว่าประชาชนสนับสนุนไหมอะไรต่าง ๆ เนี่ย  มันดูกันกลุ่มตรงไหน  เพราะว่าเราพูดว่าประชาชนสนับสนุน เพราะว่าเราก็มีภาพที่เป็นจริง  อย่างที่ว่าเนี่ยฮะ  ตอนเดินขบวนขับไล่ฐานทัพก็มากันหลายหมื่นคน  เราก็รู้ทั้งรู้ว่าไปแล้วจะเจออะไร  เลี่ยงเส้นทาง  หลบเลี่ยงอะไรต่าง ๆ สารพัด ก็ต้องทำ ก็ยังจะต้องทำ  คิดให้ออกว่าจะทำยังไง  เพื่อให้เป็นไปตามเจตจำนงหรือความต้องการของประชาชนในขณะนั้น  แต่ในขณะเดียวกันเราพูดว่า  ประชาชนไม่สนับสนุนออกมาโจมตีอะไรต่าง ๆ เต็มที่  ใช่ไหม มันก็มีคนส่วนหนึ่งเป็นเช่นนั้นจริง ๆ  แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นแบบโดยธรรมชาติ  อย่างที่ขบวนของฝ่ายซ้ายเป็น ผมมั่นใจอย่างนั้น  ขบวนฝ่ายซ้ายมันมาจากการที่เขาเห็นปัญหา  สัมผัสปัญหา  ประชาชนที่มาม็อบกันแบบถาวรก็มาจากการที่แบบ  ชาวนามาชุมนุมก็มาช่วยหุงข้าว   มาเป็นช่วยเป็นยามรักษาความปลอดภัยให้  เวลาประชาชนมาชุมนุมสนามหลวง  นักศึกษาก็ลงไปทำสิ่งทีเรียกว่า เคาะประตู  แบ่งหน่วยกันเลย

ชายคนใต้            ตอนนั้นมีไหม  อาจารย์มหาวิทยาลัย….(ฟังไม่ออก)  ที่ให้ความเห็นกับนักศึกษาเป็นที่พึ่งให้นักศึกษามากที่สุด

พลสัณฐ์              ในยุคหลัง 14 ตุลาแล้วไม่ค่อยมีเท่าไหร่

ชายคนใต้            ไม่ค่อยมี  ส่วนมากจะเชื่อมกันเอง

พลสัณฐ์               ใช่ครับ   มีก็ช่วงก่อน 14 ตุลาจะเป็นเช่นนั้น

ชายคนใต้            อิทธิพลของอาจารย์ในการที่จะสอนความคิด  ที่ใกล้ชิดและเป็นแบบที่จะดึงดูดให้เกิดเปลี่ยนแปลงความคิด

พลสัณฐ์               ก่อน 14 ตุลามีพี่   14 ตุลามีหลายท่าน  พวกผม

ชายคนใต้            ใครบ้างที่พอจะจำได้

พลสัณฐ์               มีอาจารย์ส.ศิวรักษ์ อย่างนี้  อาจารย์ รังสรรค์  ธนะพรพันธ์  มีพี่วิทยากร  เชียงกูล  มีแม้กระทั่งหนังสือของท่านพุทธทาสนะ  พวกเด็กใหม่ ๆ นี่จะอ่านหนังสือ   คือสมัยนี้โลกมันเอียง  อย่างนี้นะครับ  อาจารย์ปรีชา  ผมไม่ค่อยได้สัมผัสนะครับ

ชลธิรา                 เมื่อกี้นี้บอกว่าเข้าป่าไป  อยากให้จบลงว่าที่ตัดสินใจเข้าป่า  ตัดสินใจด้วยตนเอง  หรือว่าตัดสินใจเพราะว่ามีคนมาชักชวน  หรือว่าเป็นเพราะว่า พคท. เรียกร้องให้เข้าป่า

พลสัณฐ์                อาจารย์แกล้งถามหรือเปล่า  ในยุคสมัยของผม  ในชีวิตของผม  ตั้งแต่สมมติว่าเราเห็นเหตุการณ์ 14 ตุลา ลากยาวจนกระทั่งถึง 6 ตุลาเนี่ยนะฮะ  แม้กระทั่งเหตุการณ์สุดท้ายซึ่งในขณะถูกจับมันก็  อาจารย์ทราบไหมฮะว่าเขาสั่งให้ผมหมอบด้วยวิธีอะไร  เขาใช้ปืนกลกราดใส่กำแพง  เพื่อให้เราหมอบให้ต่ำ  ฝุ่นเต็มหลังเลย  ขณะนั้นเนี่ย  ใช่เราคิดอะไรไม่ออก  แต่เราคิดว่าถ้าเราพ้นจากตรงนี้ไปได้  เราจะไม่ทำแบบเก่าอีกแล้ว  แล้วยิ่งพอถูกจับไปเข้าคุก  ผมติดอยู่ 6 เดือนนะฮะ  ติดอยู่ 6 เดือน  หนึ่งเดือนแรกเนี่ยเป็นหนึ่งเดือนที่ห้ามเยี่ยม  ห้ามประกัน  เราถูกซ้อมเกือบทุกคืน  ถูกชกต่อย  อย่าไปเรียกซ้อมเลย  มันจะมีไอ้ชุดเที่ยงคืนมาแล้ว  มาเรียก  มาซ้อม  มาอะไร

ชลธิรา                 6 เดือนเนี่ยหมายความว่าไม่มีคนประกัน  หรือว่าประกันแล้วเขาห้ามประกัน

พลสัณฐ์               ห้ามครับ

ชลธิรา                 อยู่ที่ไหน

พลสัณฐ์               ผมอยู่บางเขนครับ

ชลธิรา                แล้วมีกลุ่มหนึ่งที่ห้ามประกันด้วย

พลสัณฐ์              ใช่ครับ  ผมจะเป็นชุดที่เรียกว่า ห้ามเยี่ยมห้ามประกัน อยู่เดือนนึง  ห้ามเยี่ยมด้วย

ใจ                     เรามีปัญหาเพราะพยานคนที่จะตามมาเนี่ย  มีธุระ  คงต้องยุติกันตอนนี้

พลสัณฐ์               อ๋อ…ครับ

ชลธิรา                 เรามักจะใช้วิธีนี้นะคะ  ก็คือว่า  ถ้ายังมีอะไรในใจที่คิดว่าควรจะเป็นประโยชน์และอยากให้คณะกรรมการได้เก็บบันทึกเอาไว้   อยากให้ช่วยพูดใส่เทป  แล้วก็ส่งมาให้กับคณะกรรมการก็ได้  โดยเริ่มต้นระบุชื่อตัวเองไว้  ก็จะช่วย  เพราะคิดว่ายังมีอะไรอีกหลายอย่างที่น่าจะเป็นประโยชน์  แต่เนื่องจากเวลาจำกัด  ขอบคุณมากนะคะ  เป็นประโยชน์มากค่ะ