Documentation of Oct 6

สินสวัสดิ์  ยอดบางเตย

อ.ใจ :                คุณสวัสดิ์ กรุณาพูดใส่ไมค์ด้วยเพราะจะได้อัดเทป และก็ช่วยแนะนำตัวเองว่า ปัจจุบันทำอะไร และก็ในปี 2519 ทำอะไร และหลังจากนั้นช่วยเล่าไปถึงวันที่ 4-5-6 อยู่ที่ไหนเห็นอะไร

คุณสินสวัสดิ์ :       สวัสดีครับผมชื่อนาย สินสวัสดิ์ ยอดบางเตย ปัจจุบันเป็นผู้จัดการและผู้ประสานงานสถาบันปรีดี พนมยงค์ งานโดยหลักนอกจากงานทางด้านจัดการแล้วก็คงเป็นงานที่เป็นทางด้านศิลปะกรรมของสถาบัน และประสานกับอุปกรณ์ต่าง ๆรวมทั้งงานคิดด้วยครับ ในปี 2519 ช่วงนั้นเป็นผู้ประสานงานของแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย แนวร่วมเพาะช่าง รายละเอียด ต่าง ๆ คงให้เสริมท้ายนะครับ

อ.ใจ :                 ตอนนั้นเป็นนักศึกษาหรือเปล่า

คุณสินสวัสดิ์ :       เป็นนักศึกษาครับ

อ.ใจ :                ที่ไหน

คุณสินสวัสดิ์ :       ที่เพาะช่างปี 4 ช่วงนั้นดูเหมือนว่าได้ด๊อปเอาไว้เพื่อที่จะมาเคลื่อนไหวอย่างเดียว ก่อนหน้านั้นมันจะมีประเด็นที่ต่อเนื่องกันมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ก่อนปี 16 ไล่เรียงมาจนถึงช่วงที่ถนอม กลับมางวดแรกเมื่อปี 17 เดือนธันวาคมนั้นจะมีพัฒนาการของฝ่ายชุมนุมในภาคประชาชน และก็ฝ่ายรักษาความปลอดภัยเนื่องจากว่าทางส่วนของผมนอกจากจะทำงานทางด้านศิลปะแล้วก็จะทำงานในด้านเกี่ยวเนื่องกับการรักษาความปลอดภัยอยู่ด้วย เรามีการพูดคุยเป็นระยะ ๆ และก็ตอนที่ถนอมกลับมาครั้งแรกเมื่อเสียงปืนดังขึ้นคนจะแตกตื่นเหมือนกับ วิ่งหนีเอาตัวรอด เมื่อเดือนธันวาคม 2517 คือคนไม่เคยเจอเหตุการณ์เพราะว่าก่อนหน้านั้นคือเดือนตุลาคม 2517 ได้พระราชทานเพลิงวีรชนที่สนามหลวงเหตุการณ์ไปอย่างพอเปลี่ยนไป 2 เดือนก็เปลี่ยนไปอีกอย่างก็มีม๊อปที่ธรรมศาสตร์คือ คนเหยียบกัน พอเสียงปืนเนี้ยะกองเป็น ๆ คู่คนไม่เอาเกือกไปเอาไปแต่ตัว ก็จะมีอย่างนั้นและก็มีการสรุปบทเรียนมีอะไร ๆ ต่าง ๆ หลายครั้ง จนมีพัฒนาการมาเรื่อย    ในเรื่องของการฝึกคนที่จะร่วมในเหตุการณ์ว่าจะทำยังไงให้รู้จักคุมสติ ให้รู้จักปลุกเร้าจิตใจก็คือเรื่องของการกระทำการชุมนุมมาในปีหลัง ๆ ครามรุนแรงนั้นก็ทวีขึ้นพร้อมกับความกล้าที่จะแรกด้วยเลือดเนื้อมากขึ้นของขบวนการฝ่ายประชาชน โดยเฉพาะในส่วนของ รปภ. เนื่องจากว่าช่วงนั้น น.ศ. ญี่ปุ่นก็ดี หรือประเทศต่าง ๆ ก็ดีก็จะมีเรื่องของอย่างเช่น เป็นนักศึกษาญี่ปุ่นเราก็ศึกษาที่เป็นเรื่องของช่วยสนามบินเป็นชาวนาที่กำลังจะสร้างสนามบินมีการคาดหัวและก็ใช้ใบไผ่ยาว ๆ เวลาทางม็อบทางฝ่ายปราบปรามมาพวกนี้ก็จะใช้ใบไผ่พัน คือบอกเอาไม่ให้ปะทะตัว การที่จะตะลุมบอนกันมันก็จะที่ขี่ของเราพอดี ในช่วงนั้นมันก็จะมีเหตุการณ์ กรณี 9 ชาวนา ที่เป็นม็อบที่ยืดเยื้อและไม่ประสบความสำเร็จเรื่องที่สุดในกระบวนการม็อบไม่ขึ้น จุดไม่ติด ผมกับหลาย ๆ ส่วนซึ่งอยู่ในส่วนที่ออกไปทำความเข้าใจกับประชาชน และกลับมาก็ต้องมาสรุปบทเรียนทุกวัน กระแสมันก็แรงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าตอนนั้นผู้ที่มีบทบาทมากก็ดูเหมือนจะเป็นพรรคชาติไทย ประมาณ  อดิเรกสาร กระแสมันค่อนข้างแรงมากและมีการปราบในตอนกลางคืนในธรรมศาสตร์ และก็ม็อบไม่ติด ก็มีการพูดคุยกัน คืนหนึ่งเนื่องจากเราติดไปเกณฑ์ส่วนของแนวร่วมเพาะช่างทั้งหมด ก็หลายร้อยคน อยู่กันกลางดึกก็คุยกันตรงสนามบาสเล็ก ๆ ทางด้านหอประชุมใหญ่ก็คุยกันว่าถ้ามันถึงที่สุดแล้ว เราจะทำยังไงก็เลยแลกเปลี่ยนกันอยู่หลายชั่วโมง และก็สรุปกันตรงนั้นว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นถ้าเราอยู่หน่วยหน้าก็คงต้องยอมสละ นี่ที่คุยกันไว้ก่อนพออีกวันหนึ่งวันรุ่งขึ้น ก็เป็นพอนิสิตยื่นคำขาด กับคึกฤทธิ์  ปราโมช ดูเหมือนนะเป็น 6 โมงเย็น หรือทุ่มหนึ่งให้ประกาศออกมา จริง ๆ แล้วตรงนี้พวกเราได้เตรียมกันอยู่ในหอใหญ่ไปซื้อไปมาแล้วทุกอย่างทำที่ขบวนนั้นครับ แต่ว่าเตรียมเอาไว่ถ้ามันเกิดจะต้องเคลื่อนตอนกลางคืนและถ้ามีปะทะกันแล้วจะทำยังไง มีการเตรียมอุปกรณ์เอาไว้ส่วนหนึ่ง ก็ดีกว่าสถานการณ์บีบไม่ได้ถึงกับจะต้องเคลื่อนขบวนในตอนกลางคืนกันนั้น ตรงนั้นมันเป็นสัญญาร่วมกันของฝ่ายศิลปะกรรมใช้ตรงนั้นก็เป็นพัฒนาการจุดหนึ่ง หลังจากนั้นเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สแตนดาต กาเมียน ฮาร่า อะไรต่าง ๆ ก็ดีซึ่งเราจะอยู่จุดตรงนั้นด้วย ก็จะมีศิลปินหลายคนประกาศตัวที่จะเลิกทำงานในแนวของโรแมนติก ในแนว คลาสสิก ก็คือจะทำในแนวเพื่อชีวิตอย่างเดียวในช่วงที่ตำรวจทำสามเหลี่ยมเข้าไป กรรกรและพวกเราได้ช่วยพาเขาออกมามันก็เป็นแรงบันดาลใจ คือจะให้เห็นว่าทำไมถึงที่สุดแล้วถึงตัดสินใจในช่วง 6 ตุลา มันจะมีมาตลอดมาจนถึงเคลื่อนไหวเราตั้งม็อบศูนย์นิสิต ที่อนุสาวรีย์ทหารอาสา กระทิงแดงก็จะอยู่ในโรงละครแห่งชาติในซีกตรงนั้นทั้งหมด  ต้องเรียนให้ทราบย้อนไปนิดหนึ่ง ว่ารู้จักกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายปฎิบัติการกระทิงแดงกับฝ่ายของแนวร่วมศิลปินจะรู้จักกันอย่างดีเพราะว่าเป็นหน่วยด้วยกันทั้งคู่ นี่เป็นประเด็น ที่ 1 ประเด็นที่ 2 คือ เป็นพวกอาชีวะเหมือนกัน มันจะรู้จักกันโดยสาย สมศักดิ์           เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ ตอนจัดงานหนึ่งปี 14 ตุลา ส่วนตรงนี้จะเข้ามาอาจจะเป็นแผนของสุดสาย และก็มีการไปเจรจากัน ฉะนั้นหน้าตาจะคุ้นกันตลอดฉะนั้นในช่วงต่อมาในสมัยเกรียงกมล ที่จะมีฆ้อนที่สนามหลวงวันต่อวัน เราก็จะไปเป็นอยู่ตรงนั้นตลอดเราก็จะเห็นมีการปะทะกันก็จะเข้าไปดูกันได้บ้างแล้วแต่ว่ากิจกรรม ที่เขาถูกนำเสนอมาให้อยู่ในของเขตถึงขนาดไหนของฝ่ายที่เข้ามาก่อกวนว่าแต่ละครั้งเขามีเป้าหมายชัดเจนว่าเขาเอาแค่นี้หยุด เอาให้ถึงเป็นประเด็นข่าวหรือเอาให้คนเข้ามาร่วมในเหตุการณ์ด้วยมันอยู่ตรงนั้น ฉะนั้นส่วนหนึ่งจะรู้จักกันตรงนั้นก็ไม่ได้เป็นผลดีมันจะเป็นผลร้ายค่อนข้างเยอะในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม หลังจากนั้นเข้ามาจนถึง ประภาสกลับมามันก็จะมีม็อบเหมือนกันที่ธรรมศาตร์การจัดตั้งกันตัวหลักจริง ๆ ที่ระดมได้เยอะที่สุดก็เป็นศูนย์ นักศึกษา ครูแห่งประเทศไทยทั้งหม้อข้าว หม้อแกง โรงครัว ก็จะทางหลังโรงยิมไปคณะ อะไรผมจำไม่ได้ที่ติดช่วงศิลปินทางด้านนั้น กลางคืนไปเดินตรวจกับผมดูแล้วมันไม่ปลอดภัยเลยทางช่วงศิลปจนถึง พิพิธภัณฑ์ แต่ว่าตอนนั้นไม่ได้เฉลียวใจมันก็มีกระสุนเข้ามาเราก็ไม่ได้มีอาวุธช่วงนั้น ก็ได้แต่ตีเกาะ เกาะมาไปก็มีระเบิดมีตายหลังจากนั้นได้สรุปบทเรียนเนื่องจากว่าต้องกลับไปเคลื่อนไหวในตัวองค์กรของเราเองที่สถาบันการศึกษา จำนวนคนที่เยอะ สี่ถึงห้าร้อยคน มันถูกลดลงด้วย 1. เขาจบการศึกษาออกไป ๆ ต่อที่อื่น 2. เหตุการณ์ที่มันวิกฤตขึ้นมาเรื่อย ๆ มันเพิ่มความไม่แน่ใจให้กัยคนที่จะเข้าร่วมและกระแส ภายในมันสู้กันระหว่าง 2แนวทาง คือ ศิลปะเพื่อชีวิต กับศิลปะแนวทางเดิม ซึ่งตรงนี้กันมีมาก่อนปี 16 อีก ในสายของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี นั้นแตกกันเป็น 2 ขั้ว ตั้งแต่ศิลปะกรรมแห่งชาติ มันก็สู้กันมาตลอด จนมาถึงวันที่ 3 ถึง 4 หลังจากก่อนที่ขบวนการจะเคลื่อนเขาไป เราเตรียมงานที่จะจัดงาน 14 ตุลาคม และก็ทุกปีงานแนวร่วมศิลปิน จะทำในเรื่องเกี่ยวกับคัตเอ้าท์ เรื่องผ้า นิทรรศการที่เป็นงานศิลปะทั้งหลาย ซึ่งกันและกันตลอดทุกงานจะเป็นอย่างนี้ เมื่อวันที่ 18 ก็มีนิทรรศการกลางถนนราชดำเนินที่เป็นงานใหญ่แล้วก็ปีนี้ก็มีเรื่องฐานทัพที่เราระดมนักศึกษาศิลปะที่ประเทศจัดงานนิทรรศการ ศิลปะ คัตเอาท์ การเมือง ตามวิทยาลัย มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศเหมือนกัน มีการเผามีการเอาขวานไล่ฟันกันอะไรอย่างเงี้ย เฉพาะที่ของผมของผมก็ปรากฎว่าเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์มันสู้กัน 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยอยู่ในสถาบันกันจะมีการต่อต้าน มีการทำตรงนี้ขึ้นมา กับวันที่ 4 ฝนตกและม็อบเคลื่อนเข้าไปในธรรมศาสตร์ ในส่วนพวกแนวร่วมที่เข้าไปอยู่ตรงนั้น องค์กรแนวร่วมจะอยู่ที่ตึก กตป. ด้านหลัง คือตึก กตป. จะมี 2 ซีกหนึ่งมันถูกทุบไปเพราะว่าตั้งแต่ภารโรง เมื่อวันที่ 14 ไม่ยอมเดินลงมา เราบอกให้เดินแล้วไม่ยอมเดินลงมา ตาย และตรงนั้นมันถูกรื้อไปเพื่อที่จะทำที่เราเรียกร้องให้เป็นอนุสรน์สถาน 14 ตุลา พื้นที่ปีหลังมันเป็นสามเหลี่ยมแหลม ๆ ตอนนี้ที่เป็นสี่แยกคอกวัว มันจะอยู่ด้านหลัง ตรงนั้นแต่เดิมศูนย์นิสิต เขาจะเร่ร่อนไปเรื่อย เมื่อก่อนอยู่ตึกจักรพงษ์ และก็ถูกไม่ให้อยู่ และก็มาอยู่ที่มหิดลชั่วคราว และก็มีแนวโน้มว่าจะใช้ตึกตรงนี้เป็นพื้นที่จะบูรณะตึกสามขึ้นตรงนี้มันเป็นสามเหลี่ยม ด้านหลังนั้นก็คือบ้านของ ก็เล่าให้ฟัง ผมก็ไป นิคมก็คงจะกลังบ้านเพราะมันเจ็บมากเลือดเต็มหมดผมก็เดินมาทางเฉลิมกรุงก็เจออีกคนหนึ่ง อยู่จุฬา ชื่อ ยักษ์ ก็บอกว่าเขาจะไปเคลื่อนที่จุฬา เพื่อที่จะดึงกระแสให้ขึ้นก็แยกกันผมก็เดินเข้าไปทางวัดโพธิ์ ตัดเข้า แล้วอ้อมไปทางท่าเตียนก็มีตำรวจเต็มไปหมดแต่ตำรวจตอนนั้นสังเกตดูยังไม่ใช่เป็นหน่วยปราบปรามที่มาจากต่างจังหวัด ยังเป็นหน่วยในเมืองเป็นฝ่ายนครบาล หน่วยอะไรต่าง ๆ ดูจากวิธีการถืออาวุธ วิธีการแต่งตัวและก็ลักษณะท่าทางของเขาก็เดินเข้ามาทางท่าช้างและก็เข้าถนนมหาราช ไอ้ตอนนี้ได้ยินเสียงปืนแล้ว และก็มาติดตรงมหาธาตุประตูตรงข้ามกับท่าพระจันทร์ ตรงนี้จะได้ยินเสียงของธงชัย ตลอดและก็สุดท้ายเสียงของธงชัย ก็คือ พี่ ๆ ตำรวจพวกเรายอมแพ้แล้ว แล้วก็ค่อย ๆ หายไปและก็มีเสียงปืน ผมก็ติดอยู่ตรงนั้ประตูมันปิด ปิดโดยตำรวจ แต่ว่าตำรวจชุดนี้ช่วงแรกไม่ร้ายแรง ก็คิดว่าในใจตอนนั้น ไม่รู้หรอกว่าทางด้านทางสนามหลวงหรือว่าพิพิธภัณฑ์ มีการเคลียกัน คิดว่าเพื่อนเรายังอยู่ข้างในและก็มีอีกหลาย ๆ คน ที่ทำหน้าที่เหมือน ๆ กันใจจะเข้าไปจะพยายามช่วยออกมาเท่านั้นเอง มาจนเงียบไประยะหนึ่งอีกระยะหนึ่งมีพวกเรามาออกันอยู่ที่ประตูคงจะถูกต้อนมาแล้วก็จะมีคนเปิดให้เป็นตำรวจนี่แหละเปิดให้งวดแรกก่อน เปิดให้ก็จะออกมาได้ส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนหนึ่งที่ปีนและว่ายไปทางแม่น้ำมีมาเป็นประปราย และส่วนที่ออกมาบางส่วนผมก็ให้เข้าไปที่วัดมหาธาตุก็มีคนักกิจกรรมของพรรคพลังธรรม ก็เข้าไปบางส่วนผมก็ให้เข้าไปที่วัดมหาธาตุบางคนหัวเร็วหน่อย เมื่อพระออกบิณฑบาตรก็เป็นลูกศิษย์เลยตามพระไป ก็รอดพวกนี้รอด สมศักดิ์ เป็นพวกแนวร่วมหลายคนเหตุการณ์อย่างนั้มันเป็นไปได้ช่วงเดียวเท่านั้น ประตูมันถูกปิดอีกทีตอนนี้มันเปลี่ยนกำลังช่วงนี้อาจจะอยู่ประมาณ 1 โมง ไปแล้วกำลังส่วนนี้ถูกเปลี่ยนตอนนี้แหละถูกเปลี่ยนเป็นชุดที่ไม่เหมือนมาจากที่อื่น ๆ แล้ววิธีการเดินวิธีการใช้อาวุธพวกนี้จะขึงขังแล้วก็เอมจริงเอาจังในเรื่องของการปราบ

ใจ :                 เป็นชุดอะไรครับชุดใหม่

คุณสินสวัสดิ์ :     ดูเหมือนจะคล้ายเป็นชุดสีที่มันเข้มขึ้นมันจะเป็นชุดพลางหรือเปล่าไม่แน่ใจเป็นตำรวจ ตชด. หรือเปล่าไม่แน่ใจอาจเป็นพวกนี้ได้

ใจ :                ถูกอาวุธแบบใหน

คุณสินสวัสดิ์ :    ถูกอาวุธสงครามพวก M16

ใจ :                แล้วช่วงก่อนหน้านั้นถูกอะไร

คุณสินสวัสดิ์ :    ส่วนใหญ่จะเป็นผสมกันไป M16 หมดจะมีปืนแบบธรรมดาบ้าง จะเป็นตำรวจนครบาล แต่งชุดกางเกงสีธรรมดา และก็พอถึงตรงนี้ก็มีการยิงกัน ณ จุดตรงนั้น ยิงกันด้วยความโกลาหล ที่เห็นคือเด็ก เด็ก อายุประมาณ 14-15 ปี เด็กนี้จำได้ว่าไอ้กลุ่มตรงนี้เขาชอบเวลาเรามีจัดนิทรรศการเขาจะชอบเดินเป็นกลุ่มแล้วร้องเพลงผมก็ไม่รู้ว่าเร่ร่อนหรือไม่เร่ร่อน เขาก็ร้องเพลงพวกคนกับควายก็ถูกยิงที่แก้มเขาก็ลากไปไอ้ตรงนี้ตอนนี้หลบกันแล้ว พอหลังจากนี้ก็ยิงอีก ยิงกลาดเข้ามาทางประตูของวัดมหาธาตุด้านหลัง และตอนนี้ข่าวก็มาว่าในที่เข้าไปหลบ กิตติวุฒโท มาก็จะบอกต่อกันมา   กิตติ พุธโท เครื่องอยู่ข้างในแต่ว่าทางนี้มันออกไม่ได้แล้วมันถูกปิดหมดไอ้คนที่วิ่งออกมาไม่ได้ออก ถ้าไม่ได้ชุดแรกสุดเพราะว่ามันปิดกันอยู่ที่ท่าช้าง ตำรวจมันปิดคนวิ่งเสร็จหมด เราก็นึกว่ารอด ไม่รอดเสร็จหมด

ใจ :                ตอนนั้นเห็นกิตติวุฒโทไหม ?

คุณสินสวัสดิ์ :    เห็นไกล ๆ ครับเห็นครับจากประตูด้านนี้ครับประตูวัดมหาธาตุด้นนี้แล้วก็เข้าไปเข้าไปมันจะมีวิหาร และอีกซีกหนึ่งมันจะมีกุฏิตอนที่เห็นเป็นกลุ่มยังไม่มีคนบอกว่าเป็นคนพา กิตติวุฒโท มาเคลียร์ เขาก็เดินเข้าไปตามกุฏิไปค้น เราก็แยกไปทางวิหาร มันมีโรงเรียนปริยัติธรรมอยู่แถวนั้น ในช่วงนี้ก็โกลาหลเพราะว่าส่วนหนึ่งก็เป็นห่วงเด็กที่พึ่งถูกยิงบ้างอะไรบ้าง เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงก็จะติดอยู่ตรงวิหารแล้วก็จะกลับไปกลับอยู่อย่างงี้ มีเพื่อนติดอยู่ 2-3 คน ที่มาเข้าข้างใน เพราะว่าเสื้อผ้ามันจะไม่เหมือนกัน เรามาจากบ้านมันสะอาดเรียบร้อย พวกนั้นมันจะดูอย่างนี้เวลามันจะเคลียร์คน มันดู เปียกน้ำ ร้องเท้าไม่ใส่หน้าตาอิดโรย มันก็เคลียร์ ๆ ไปจุดตรงนี้ดีว่าไม่มีกระทิงแดงเลยแต่ว่ามีนวพล มาจากต่างจังหวัด มีลูกเสือชาวบ้าน

ใจ :                รู้ได้ยังไงเป็นนวพล ?

คุณสินสวัสดิ์ :    วิธีการแต่งตัว กระทิงแดงก็จะรู้เพราะว่ามันเป็นนักบู๊แต่งแบบอาชีวะและก็เราจะรู้จักถ้าเห็นมันก็จะต้องลากเราไป แต่ตรงนี้ไม่มีก็จะมีพวกนี้ นวพล จะแต่งคล้าย ๆ ชุด ซาฟารี และก็จะเป็นคนที่มีอายุนิดหนึ่งมันจะต่างกว่ากลุ่มอื่น ๆ สถาณการณ์มันก็จะเป็นขึ้นมาเรื่อย ๆ คือตอนพอเริ่ม 11 โมงหรือเที่ยง มันออกไม่ได้ถนนที่เราเคยเดินได้ถนนมหาราช ทหารจะตึงหมดสองข้างมันเปิดประตูอีกครั้งหนึ่งเพื่อต้อนแล้วงวดนี้ ตอนออกมานอนแล้วให้ถอดเสื้อนอนบนถนนร้อน ๆ ตลอดแนว ก็เพื่อนเราทั้งนั้นตอนนี้เราเห็นแล้วว่ามีทั้งเพื่อนทั้งอะไรต่าง ๆ แต่เราเนี้ยในสถานภาพมันถูกกันไว้ไม่ไส่เพราะว่าเรายืนอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงนี้ระยะหนึ่งก็เข้ามาที่วิหารอีก กิตติวุฒโท ก็เคลียร์คนออกไปเรื่อย ๆ ผมติดอยู่ประมาณบ่ายสอง อยู่ในวิหารมันมาไม่ถึงมันจะกลับไปแล้วก็ไม่รู้เราก็นอนกันอยู่ 3 คน มี ต้อง และก็มี สมศักดิ์ที่ตายไปแล้วและก็มีผมที่เหลืออยู่ตรงนี้และก็นัดกันว่าถ้าออกไปได้จะไปเจอกันที่ไหนก็ไม่รู้จะออกยังไงคือตกลงกันว่าต่างคนต่างออกไปหาวิธีกันเอาเองไม่ได้ผูกมัดกันผมก็เดินออกมาดูเพื่อที่จะรู้ว่ามันไปหรือยังก็เลี้ยวมาประตูด้านข้างที่มองไปก็เป็นกำแพงของธรรมศาสตร์ ก็มีหน่วยซึ่งเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เรียนด้วยกันมาแต่ความคิดตรงกันข้ามกัน เขาเป็นแบบลูกเสือชาวบ้าน จังหวะที่ออกมาก็เจอกันพอดีเราก็ตกใจมันเป็นเพื่อนคงไม่มีอะไร มันก็ร้องให้มามันฆ่ากันใหญ่แล้วมันก็พูดอย่างนี้ แต่เรานึกภาพไม่ออกมันฆ่ากันคือเขาทนไม่ได้เขาจะกลับบ้าน บ้านเขาอยู่กรมอู่ทหารเรือ เขากอดคอเรา พาเรากลับไป เพราะว่าตอนนี้ทุกท่ามันปิดหมดยกเว้นท่ากรมอุ่มกับท่าราชวรดิษฎ ที่เปิดอยู่ ก็พาผมเดินมาจนถึงท่าช้างก็เห็นบุญส่ง ซึ่งเป็นฝ่ายศิลป์อยู่ อมธ. กำลังถูกรุมอัดอยู่บนเสา มันขึ้นไปบนรถแล้วลากลงมาต่อย เราก็ช่วยไม่ได้

ใจ :                รถบัส?

คุณสินสวัสดิ์ :    รถบัสประจำทางก็ให้มาจอดแล้วเสียงว่ารถคันไหนจะแยกไปไหนไปกำแพงแสน ไปโรงเรียนพลตำรวจ ไปจุดต่าง ๆ

ใจ :                ถูกจับจากไหน

คุณสินสวัสดิ์ :    ถูกจับจากต้อนออกมา ต้อนออกมาแล้วให้นอนรอ จนเขามีคำสั่งแน่นอนในช่วงปลายประมาณบ่ายสาม รถพวกนี้จะจอดรออยู่แล้วเป็นคันหน้าศิลปากรแล้วก็จะต้อนแบ่งว่าคันหนึ่งกี่คนแล้วก็จะมีตำรวจขึ้นไปแล้วก็จะมีพวกอันธพาลทางการเมืองอยู่ด้วยค่อยจำหน้าใครได้ก็รุมชกต่อยเพราะตรงนี้มันยิงไม่ได้ถ้าเป็นตอนเช้าไอ้ส่งต้องตายด้วย แต่ตรงนี้มีชาวบ้านเต็มเลยสื่อมวลชนก็เยอะไปหมดมันก็ได้ฆ่า หน่อยพามาข้ามที่ท่าราชวรดิษฎ์ พอข้ามมากรมอู่แล้วก็แยกกัน ผมก็ไปซื้อหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับบ่ายตรงวัดระฆังก็ซื้อปุ๊บก็ใจหายเพราะว่าแดงคืออยู่กันตลอดแล้วก็นิคมพวกนี้คือแนวร่วมหมดมันตายหมด ไอ้แดงมันยังไม่ตายแต่ก็กำลังถูกตอกให้ตายที่รูปไทยรัฐตอนบ่าย แต่ไอ้นิคมตายคาที่ถ้าเราดูในรูปในรูปที่เขาพิมพ์จะเป็นรูปที่ถูกกระทืบ ตอนนั้นหมายถึงไอ้แดงถูกยิงไปแล้วถูกยิงไปแล้วแต่ยังหายใจมันก็กระทืบก่อนจะลากไปตอก ตอนนั้นผมก็คิดว่าจะทำยังไงดี พวกเราไปเปิดร้านชื่อร้านมวลชนอยู่ถนนมหินนพที่ที่ออกปากคลองได้ ก็ขึ้นรถแล้วย้อนกลับมาตอนนั้นก็ 4 โมงกว่า ๆ รถจะมาเราก็เดินเรามาตามทางมาเรื่อย มาจนถึงร้านก็มีเพื่อนที่ชื่อสุริยะเขามีหน้าที่ประจำร้านผมก็เป็นลูกเจ้าของร้านอะไร เขาอยู่ก็ให้ดูแล้วเขาก็บอกว่าให้ออกจากร้านหลบออกไปซะ อย่างนี้แล้วเดี๋ยวอะไรเกิดขึ้นก็ไม่รู้ เพราะว่าก่อนหน้านี้จะมีคนมามาสังเกตการณ์อะไรต่าง ๆ ก็ไปนั่งหารือกันพอนั่งคณะปฎิรูปมันก็ออกโทรทัศน์พอดีประกาศในเรื่อง เคอฟิว ผมก็รีบออกเลย เมื่อกี้คุยอยู่กับยะ ไอ้ยะมันออกไปแล้วออกหลังผมไปแต่ว่าพอประกาศเคอฟิว ผมออกมาเนี้ย บีเอ็มชีก็มาพอดีทหารนั้น คือ แสดงว่าเขานัดกันไว้หมดแล้ว เข้าไปในร้านเคลียเลย เคลียเอกสาร คนที่ซวยไปคือลูกเจ้าของร้านมันก็จับไปและช่วงนี้ทั้งหมดมันเป็นการเลี้ยงฉลองเลยนะ พวกนวพล พวกลูกเสือชาวบ้านมาเลี้ยงกันเปิดโต๊ะ เลี้ยงฉลองตลอดเมากันแต่ตรงนี้ไม่มีกระทิงแดง คิดว่าสุดสายมันคงเรียกไปหมดเพราะหลังจากเคลียเสร็จแล้วแล้วก็มาลำดับตอนหลัง

ผู้หญิง :            เดี๋ยวนะคะ ที่เมื่อกี้พูดถึงคนที่เป็นเพื่อนแล้วว่าอยู่บนรถเมล์และก็ถูกดึงตัวลงมาและก็เป็นแนวร่วมศิลปินและก็เพื่อนอีกสองคนที่ถูกฆ่าแล้วลงในไทยรัฐก็เป็นแนวร่วมศิลปินเหมือนกันและก็ร้านที่แนวร่วมศิลปินผมคุณเช่าเองไว้ก็ถูกเข้าไปเคลียร์ทันทีเลยในคืนนั้นเพราะฉะนั้นดู ๆ แล้วเมื่อกับองค์กรแนวร่วมศิลปินเมื่อกลับถูกติดตามและรู้ตัวว่าใครเป็นใครคือมีเป้าการทำลายที่แน่นอน

คุณสินสวัสดิ์ :    ใช่ครับ เราเองมันโฉ่งฉ่างด้วยคือ เป็นศิลปินพอเป็นศิลปินแล้วก็พอมันแสดงออกอะไรก็ไม่เก็บเอาไว้อย่างสมมุติว่ามันมีช่วงหนึ่งที่มีหนังสือของศิลปะเพื่อชีวิตศิลปะเพื่อประชาชนของ จิตร ก็จะมีรุ่นพี่ผม คือ โชคชัย ตรรกโพธิ์  เขาจะเป็นฝ่ายอาร์ต คือ อยู่ในเพาะช่างเขาเป็นคนชอบอ่านปรัชญาเยอะมากเขาก็บอกว่า จิตร จับมาวิเคราะห์ผิด ดันไปพูดแต่ว่าพูดด้วยความรู้สึกมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงสนามบอลธรรมศาสตร์แล้วก็มากนักกิจกรรมเขาก็ไม่พอใจ คือเขาจะไม่เก็บเอาไว้ คือลักษณะจะเป้นอย่างนี้ เดี๋ยวจะขอแก้นิดหนึ่งตรงร้านไม่ได้เป็นร้านของแนวร่วม แต่เป็นร้านของพวกเราที่เป็นแนวร่วมเพาะช่างทำกันเองเป้นลักษณะเพื่อน เอ่อจำชื่อได้ก็มี สุริยะ แช่ห่าน มีผมมีประเสริฐ เทพารักษ์ เดี๋ยวนี้ก็เป็น ทองทัด เทพารักษ์ และก็มี ชาติ กอบจิตติ ก็หนึ่งในกลุ่มเดียวกันหมดจริง ๆ มันยาวมันเกี่ยวกับหลาย ๆคนมากก็จะโยงกันอยู่ตรงนี้

ใจ :                 เขารอดมาได้ไหม

คุณสินสวัสดิ์ :     รอดครับ คือเขาไม่ได้ถูกลากลงมาเขาอยู่บนรถและก็ถูกทำลายถูกขึ้นไปทุบไปตีอยู่บนรถ

ผู้หญิง :             หมายความว่าเขาจำหน้าได้

คุณสิสสวัสดิ์ :     ใช่ครับ ผมว่าตึก อมธ. สมัยก่อนมันเปิดโล่งใครไปก็ได้ กรรมกรไปก็ได้และตึก กตป. อีกทั้งวันทั้งคืนเลยมันจะมีทุกสายขึ้นไปหมดตลอด ฉะนั้นตัวที่เขายิงไปอย่างแดง ก็คือเขาจะต้องมีบันทึกไว้แล้ว มีรูปถ่ายมีวีดีโอไม่พลาด ยิงตัวหัวโจกทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น นิคม

ใจ :                 ตอนที่เพื่อนถูกรุมบนรถใครรุมบ้าง พวกกระทิงแดง

คุณสิสวัสดิ์ :       ไม่ใช่ คิดว่าไม่น่าจะเป็นหน่วยเดียวกันผมว่ามันมีการเพิ่มเติมหน่วยเข้ามาแต่เรียกว่า มากก็เอาไว้แล้วว่าใครเป็นหัวโจก

ใจ :                 ที่ท่าช้าง ที่เพื่อนกำลังถูกซ้อมใรเป็นคนซ้อม

คุณสิสวัสดิ์ :       คือแต่งตัวแบบประชาชน

ใจ :                 และตอนนั้นมีตำรวจอยู่

คุณสินสวัสดิ์ :     มีตำรวจอยู่

ใจ :                 และตำรวจทำอะไรห้ามปรามการซ้อมไหม

คุณสินสวัสดิ์ :     หลังจากการซ้อมไประยะหนึ่งถึงมีการห้ามปราม

ใจ :                 ตอนแรกสินสวัสดิ์พูดว่าการที่รู้จักกับกระทิงแดงมันเป็นผลร้ายในวันที่ 6 ช่วยขยายความตรงนี้นิดหนึ่ง

คุณสินสวัสดิ์ :     ผมมาลำดับเหตุการณ์คิดว่ามันคงมี เทคนิคอุปกรณ์เริ่มเข้ามาทั้ง VDO ทั้งภาพถ่ายจะมีการบันทึกถาม มีการมาร์กหัวไว้ว่าใครบ้างซึ่งเป็นหัวโจก ในแต่ละส่วน หน่วยรักษาความปลอดภัยจะมีใครเหมือนอย่างโอริสสาที่เข้าไปถูกจ่อยิงก็เพราะว่ามีการมาร์กเอาไว้ก่อนหน้านั้นเหมือนกันพวกนี้จะมีหมดมันมีบางคนที่ชอบมาอยู่ในม็อบประจำและทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ จะจำได้เป็นคนตัวดำ ๆ อ้วน ๆ ตอนหลังก็ทราบข่าวว่าเป็นสันติบาล มันจะมีตรงนี้ค่อนข้างเยอะมากเราก็นึกไปไม่ถึงเพราะมันมีเรื่องอื่นสำคัญกว่าในช่วงนั้นก็คิดว่าไม่เป็นไรมากกว่า

ผู้หญิง :             หมายความว่าในขบวนการคงถูกแทรกซึมเข้าไปด้วย คือหมายความว่ามีฝ่ายจะเรียกว่าสันติบาล กระทิงแดง ที่ว่าถูกมาร์กหัวเขาต้องรู้จักชื่อ รู้จักตัว คือภาวะชุลมุนปิดล้อมทำไมถึงรู้ว่าโอริสสาอยู่ใหน

คุณสินสวัสดิ์ :      คืออย่างนี้ครับตรงแนวปะทะกัน วันที่ 6 คือแนวร่วมที่มาร่วมเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยมาจากหลายสถาบันมาก ๆ และก็เราจะรู้จักคุ้นเคยกันอย่างเช่น ช่างกลพระราม 6 มันก็มีการจัดตั้งกันขึ้นมาเพื่อการอย่างนี้ส่วนหนึ่งแต่มันไม่พอในเรื่องของการที่จะเข้ามารักษาความปลอดภัย ในนี้ ตรงนี้ อย่างโอริสสาในช่วงนั้นกับอาชีวะด้วยกันเขามีความขัดแย้งค่อนข้างสูง และก็แยกออกมาเป็นแนวร่วมอาชีวะเพื่อประชาชน ความขัดแย้งตรงนี้ในส่วนของฝ่ายอาชีวะที่เป็นเครื่องมือของฝ่ายตรงข้ามก็รู้อยู่แล้วว่าคนนี้แหละเป็นหัวโจกสำคัญของฝ่าย ฉะนั้นเวลาเข้าไปเคลียร์จะไม่มีผิดตัว คือมันมีเป้าอยู่แล้ว อย่างแดงก็เหมือนกัน บุคคลิกมันก็จะดูรู้เเพราะว่าแดงมันไว้ผมยาวเป็นศิลปิน มันจะเห็นชัดทุกเหตุการณ์

ผู้หญิง :              แดงชื่อจริงชื่ออะไร

คุณสินสวัสดิ์ :       มนัส  เศียรสิน อย่างคนพอตายแล้วก็คือหาว่าเป็นญวน และผมมารู้ชื่อจริง ก็เมื่อจัดงาน 20 ปี ทางบ้านเขาติดต่อมา ถึงจะรู้ว่าเป็นคนนคร ข้อมูลมาเพิ่มเติมอีก 20 ปีให้หลัง

ใจ :                   ที่บอกว่า นวพล ลูกเสือชาวบ้าน เลี้ยงฉลองเมาที่ถนนอะไร

คุณสินสวัสดิ์ :       ตั้งแต่ศาลเจ้าพ่อเสือไล่ไปถนนมหรรณพตลอดแนว

ใจ :                   ถนนหรรณพ แถว ๆ ไหน

คุณสินสวัสดิ์ :       ศาลเจ้าพ่อเสือ หลังเสาชิงช้าไปจนทะลุคลองหลอดหลังศาลเก่า

ใจ :                   เมื่อตอนต้นพูดถึงประมาณ อดิเรกสาร และพรรคชาติไทยว่ามีบทบาทสูงช่วยขยายความ บทบาทอย่างไร

คุณสินสวัสดิ์ :       ในช่วงของการปราบปรามผู้นำชาวนาชาวไร่ ที่เราพูดคุยกันวิเคราะห์กัน ก็คือมีกระแสของทางพรรคชาติไทย ซึ่งตอนนั้นประมาณ อดิเรกสาร มีบทบาทค่อนข้างเยอะในการส่งมือปืน เข้าไปเก็บผู้นำชาวนาทางภาคเหนือ พ่อหลวง  อินถา ในช่วงนี้

ใจ :                    มีหลักฐานอะไรไหม หรือว่าเป็นที่เข้าใจกัน

คุณสินสวัสดิ์ :        เป็นที่เข้าใจกันในหมู่คนเคลื่อนไหว

ใจ :                    ในรัฐบาลคึกฤทธิ์

คุณสินสวัสดิ์ :         ของเราเองพูดตามตรงเราก็มีปืน จะบอกว่าเราไม่มีเลยก็ไม่ใช่ อย่างน้องผม อลัวซัม แต่ว่าเข้าไปอยู่กับพระราม 6 และก็ไปซื้อปืนในวันนั้นและก็หายไป แต่เข้าไปติดอยู่ที่โรงเรียนพลตำรวจนครบาล จะมีปืนไหม ต้องเรียนตามตรงว่ามีแต่เป็นปืนไทยประดิษฐ ยิงนัดเดียว

ใจ :                     เวลาดูรูปภาพ 6 ตุลาและก็เห็นการทารุณกรรมรู้จักคนทารุณกรรมไหม

คุณสินสวัสดิ์ :         คนที่มาทำไม่รู้จักเลย ไม่ใช่ตัวที่เคยเห็นในทุก ๆ ม็อบที่ไปประจำหน้ากัน

ผู้หญิง :                 หมายความว่าคงเป็นกลุ่มคนเฉพาะที่ถูกส่งมา

คุณสินสวัสดิ์ :         ผมคิดว่าเขาคงวางแผนพอสมควรเพราะว่าก่อนหน้านี้อย่างตอนประภาสมันก็มีทีนึ่งแล้ว ว่า ๆ จะเคลียร์ไม่เคลียร์ หรืออย่างกรณีที่ถนอมกลับมาครั้งแรกมีการยิงเหมือนกัน แต่มันเป็นลูกหลอกหมด มันยิงขึ้นแล้วฝูงชนจะปั่นป่วนมาก ๆ เหยียบกันแหลกราน ผมยังจำได้ตอนฐานทัพตอนระเบิดมันลงตอนกลางคืนเวลาที่เราอยู่ตรงอนุสาวรีย์ทหารอาสาตอนกลางคืนเรารอคำตอบรัฐบาลอะไรสักอย่างมีกรรมาชนเป็นคนเล่น และลูกเอี้ยงมันก็ลอยมา 3 ลูกมันไม่ระเบิดมันก็เกลี้ยงไปต่อหน้าไปโดนชาย เล็ก ๆ ก็คือ ตลก ๆ มีชาย 4 ชาย ชายเล็ก ชายกลาง ชายใหญ่ ตลกเพื่อชีวิต คุณชายเล็กก็บาดเจ็บสาหัส และเราก็กลับเข้าไปในธรรมศาตร์เพื่อที่จะเตรียมว่าพรุ่งนี้เราจะเคลื่อนกันแล้ว ผมคิดว่าตรงนี้มีการดูมีการสอดส่อง ดูหมด และตรงนี้ผมก็เจอ ดร. ป๋วย แกมาเดินดูเรา มาถามเราว่าเป็นยังไงบ้างการทำเพราะตอนนั้นมันยังไม่ถึงกับว่าปะทะกันจนถึงที่สุด ความคิดของนักศึกษากับอาจารย์ยังไม่ขัดแย้งกัน ตอนนั้นมันเป็นเรื่องของการขับไล่สิ่งที่ไม่ชอบธรรมออกไปจากแผ่นดิน แกก็มายืนดู พวกเราก็มีหลายคนที่อยู่ศิลปากรและก็คุยและก็อะไรกัน แล้วก็เคลื่อนในวันรุ่งขึ้นก็ไปกับขบวนก็บาดเจ็บกันหลายคนตรงนี้เพียงแต่ว่ามันระบุว่าเป็น นาย ก. นาย ข.  ชี้ออกมาไม่ได้เท่านั้นเองแต่โดยกระบวนการในการทำมันสามารถที่เรียงร้อยได้ว่ามันเกิดจากเหตุผลตรงไหน ตรรกะมันคืออะไร

ใจ :                     เพื่อนที่เป็นลูกเสือชาวบ้านที่ช่วยคุณออกไปตอนหลังเขาคุยเรื่องนี้ไหม

คุณสินสวัสดิ์ :         ไม่ได้เจอกันเลยจนถึงวันนี้ หลังจากนั้นวิถีชีวิต คือจริง ๆ เขาเรียนกำลังจะจบ แล้วเราดร็อปไว้ และก็มามีเหตุการณ์หลังจากนั้นผมก็ไปตามน้องไปอะไรต่าง ๆ เคว้งอยู่นาน จะไปที่ กตป. วันพรุ่งนี้เขากำลังขนทั้งหมดของศูนย์ของอะไรมาเผาอยู่ข้างหน้าวันที่ 7 มีหนังมีอะไรทุก ๆ อย่าง อุปกรณ์ไรมันขโมยได้มันเอาไปหมด มันยกไปหมดพวกพิมพ์ดีด เราก็เข้าไปไม่ได้เข้าไปมันก็จับ และที่ธรรมศาสตร์ก็ไปดูไปดูทุกวันแต่มันเข้าไม่ได้เพราะว่ามันเป็นค่ายทหาร ค่ายล้วน ๆ เลย ทหารหมดทุกจุดก็ไปได้ที่แค่โรงเรียนตำรวจไปได้ก็ไปแค่ยืนชะเง้อ ไม่สามารถทำอะไรได้ เป็นกลุ่มเป็นก้อนได้เนื่องจากว่าเราเองเขายังไม่ได้จัดตั้งให้ถึงกับขนาดเป็นสายหรือเป็นอะไรต่าง ๆ แต่ก็มีอย่างไอ้ตู่อย่างไอ้อะไรเนียที่เขาได้รับการจัดตั้งมาตั้งแต่เดิมซึ่งพวกเรามันเรื่องมาก คือเป็นศิลปินเรียนศิลปะ และสุดท้ายผมเข้าป่าเขต 8 จังหวัดเชียงราย

ใจ :                      ตอนที่เพื่อนที่เป็นลูกเสือชาวบ้านกอดคอไปเขาเล่าอะไรบ้างไหม

คุณสินสวัสดิ์ :          เขาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าเรานึกไม่ถึงเขาร้องไห้เขาเล่าว่ามันพากันจับนักศึกษา มาฆ่าแต่เราก็นึกว่ามันเหมือนยิงกันตายก่อนหน้านี้มันมีการยิงกันตายทุกม็อบ คือจะมีระเบิดลง ตรงสยามสแควร์ ผมก็อยู่ตรงนั้นแต่ว่าคนอื่นตายเราไม่เป็นอะไรเจ็บนิดหน่อย เราก็รู้สึกว่ามันต้องเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา คล้าย ๆ ถูกฝึกมาถูกสถาณการณ์มันหลอมให้เรารู้สึกเป็นเรื่องธรรมดานึกไม่ออกว่าจะมีการทารุณกรรม นึกว่ามีแต่ยิงกันตาย หรือว่าโดนระเบิดแค่นั้นนั่นเอง พอมาเห็นหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมันหวิวเลย ทีนี้ขาไม่มีแรงเลยมันเคว้งมันนึกไม่ออก และคืนนั้นผมนอนไม่ได้หลับตาปุบไอ้แดงมาอยู่ตรงนี้แหละเป็นปี ๆ เลย หลับไม่ได้นอนไม่ได้ก็ได้แต่ฟัง สวท. อย่างนี้ และก็คืนนั้น สวท. ก็คือไม่มีอย่างอื่นเลยมีแต่เสียงปืนมันก็คงมีหน่วยมีหน่วยที่เกี่ยวเนื่องกันและส่งเทปให้มันเป็นเสียงยิงกันในธรรมศาสตร์เขาจะออกยาวไม่มีบทความไม่มีอะไร และก็จะมีประกาศว่าฐานที่มั่นเป็นแนวหลังก็เป็นช่วงต่อมา

ใจ :                       คุณสินสวัสดิ์ก็มองเหตุการณ์ 6 ตุลา ว่าเป็นแบบใหน

คุณสินสวัสดิ์ :           คือผมมองทั้งสองฝ่าย ๆ เราเองก็อาจจะมีการวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ในกลุ่มของขบวนการน.ศ. มีแนวความคิดซึ่งหวังผลต่อความเคลื่อนไหวของประชาชน แตกต่างกันไป มีทั้งเข้มข้น มีทั้งสหต่าง ๆ ก็เข้ามาอยู่ตรงนี้และก็อาศัยเงื่อนไขและก็ฝ่ายตรงข้ามก็คงมีการวางแผนมีการตระเตรียมหาช่องทางอยู่แล้วที่มันมีอะไรที่พร้อมที่จะดำเนินการได้ก็ดึงขึ้นมาดำเนินการให้สอดคล้องกับที่เขาวางแผนไว้

ใจ :                       เขาวางแผนไว้ทำอย่างไรครับ

คุณสินสวัสดิ์ :           ก็เพื่อจะยึดอำนาจให้ประเทศกับไปอยู่ในใต้อานณัติของเขาตามแนวคิดของเขา

ใจ :                       คุณคิดว่าใครควรจะรับผิดชอบ

คุณสินสวัสดิ์ :           ถ้าพูดตรง ๆ คือ สถาบันพระมหากษัตริย์

ใจ :                       ทำไมครับ

คุณสินสวัสดิ์ :           เพาะว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้โดยตรงตั้งแต่เรื่องของการทำภาพแขวนคออะไรต่าง ๆ มันชัดเจน พวกผมอยู่ตรงนั้นหมดเห็นว่าไม่ใช่ พอมาเห็นไอ้ตรงนี้แล้วมันอีกเรื่องหนึ่ง ถ้ามันไม่เคลียร์ขนาดนี้มันต้องออกมาชี้แจงคิดว่าฟิล์มทีดูตามตรงกะ คือฟิล์มดูเหมือนจะมี 2-3 ชุด ตามตรงกะของคนทีเรียนศิลปะจะเห็นว่าบางส่วนมันไม่เหมือนกัน คนเราสรีระตรงอื่นอาจจะแต่งได้แต่เขาลืมตรงหู ซึ่งจะเห็นว่ามีความแตกต่างกับของอภินันท์ ถ้าเขาลงมาเล่นขนาดนี้ถ้าพูดถึงโดยเหตุผลเขาจะตัดเข้ามารับผิดชอบวันนันก็มีลูกชายเขาลูกอะไร จะอยู่ม็อบที่พระบรมรูปทรงม้า บางท่านก็บอกว่าเจอที่สนามหลวง ก็ต้องมีส่วนที่จะต้องเข้ามารับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ด้วย

ใจ :                        ใครอีก

คุณสินสวัสดิ์ :            อื่น ๆ คิดว่าเป็นแค่แนวความคิดที่กลัวและก็มีทางสายงานที่เป็นอันตพาลของอันตพาลการเมืองทั้งหมด ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันจะโยงใจกับอเมริกาอย่างไร ก็ตรงนี้ก็ต้องรับผิดชอบ

ใจ :                        ในด้านพรรคประชาธิปัตย์ มันก็คือพรรครัฐบาลทั้งหมด

ผู้หญิง :                    คิดว่าเขาร่วมกันทำหรือว่าคิดว่ามีเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งทำ

คุณสินสวัสดิ์ :             คิดว่ามันเป็นกระแสต่อเนื่องกันมาถ้ามองโดยเหตุผลคิดว่าตั้งแต่ปี  16 เป็นต้นมาเริ่มไม่มั่นใจในสถานภาพของเขาตรงนี้ก็ทำให้ความคิดเขาเริ่มที่จะถูกโยกคลอน ไม่มีความมั่นใจในส่วนของนักเรียน นักศึกษาเพราะดูจากหน้าหนังสือที่อาจารย์ สมบัติ จันทรวงศ์ เคยรวบรวมเรื่องของการเมืองซึ่งจะพูดถึงตัวของผู้ชาย นายทหารทั้งหลายเข้าเฝ้าเป็นระยะเพื่อที่จะขอพระบรมราชานุญาตทำการยึดอำนาจในทำนองนี้ เป็นคำพูดที่มาจากของคุณ บุญชนะ  อัตถากร ได้พูดเล่าให้ใครฟังไม่รู้ในงานศพของสงัด ชลออยู่ในทำนองนี้ สงัด ชลออยู่ ก็เข้าไปเป็นระยะ ๆ แต่ว่าชื่อที่แจ้งให้ทราบทั้งหลาย ที่เป็นข้อชี้หางเว่าว่าเหมาะสมไหม เหมาะสมไหม ก็ไม่แล้วพูดถึงอีก และก็ตัวเขาเอ่อขึ้นมาตัวเขาเอง ผู้ชายเพื่อเอ่ยขึ้นมาว่า ถ้าทำอะไรก็ให้นึกถึงนักกฎหมาย อย่างเช่น ธานินทร์ กรัยวิเชียรทางนี้ก็เข้าใจว่าไฟเขียวให้ดำเนินการได้

ใจ :                          มีเอกสารอันนี้ไหม

คุณสินสวัสดิ์ :              มีครับในห้องสมุดนี้เป็นหนังสือพิมพ์ทั่วไป

ผู้หญิง :                     เมื่อกี้พูดว่าเป็นงานเขียนของ สมบัติ จันทรวงศ์ คงไม่ใช่มั้งคะ ถ้าเนื้อหาที่พูดเป็นของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

คุณสินสวัสดิ์ :              ไม่ใช่ครับ เขาจะเป็นสัมภาษณ์ ถนอม สัมภาษณ์ ธานินทร์  กรัยวิเชียร อันนี้จะอยู่ในส่วนของสัมภาษณ์ ธานินทร์  กรัยวิเชียร สิ่งทีเขาพูดเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจ จะมีหลาย ๆ ท่านให้สัมภาษณ์ มีเสนีย์  ปราโมช เป็นอะไรทางการเมืองชื่อหนังสือ ปกสีส้ม ๆ และก็เป็นเอกสารวิชาการ อย่างเรานี้อาจเราร้อยได้ เลยว่าเป็นเรื่องแก้เนื่องกันฉะนั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นลอย ๆ ของเขาก็มีพัฒนาการของเขาทำให้เขาคิดอย่างนั้น ๆ กล้าไอ้โน่นกลัวไอ้นี่ไปต่าง ๆ นานา ในทำนองนั้นคือโดยสถานภาพความเป็นจริงก็คงไม่มีใครตรวจสอบได้ว่ามันเป็นอย่างไร

ใจ :                          ถ้าจะมีความเป็นธรรม ในสังคมไทยคิดว่าเรื่อง 6 ตุลา คิดว่าสังคมไทยควรจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

คุณสินสวัสดิ์ :              ผมไม่รู้ว่ากระบวนการการสากลทางศาลมันเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน พันตำรวจเอก เสนีย์  สิทธิพันธ์ ก็อยู่ใกล้ ๆ กันชั้นล่างสุด มันจะเป็นพื้นที่ทำประโยชน์ไม่ได้ ชิ้นที่สองก็ปรับปรุงในที่สุดก็เป็นศูนย์นักศึกษาครูบ้านนนอกก็เป็นแนวร่วมศิลปิน ข้างบนก็เป็นศูนย์นิสิตที่เขาอยู่กัน แต่นี้โดยรูปแบบขององค์กรตรงนั้นก็เป็นนักเรียน นักศึกษา ข้างบนก็เป็นนักศึกษานิสิตแต่ข้างล่างแนวร่วมศิลปิน ในรูปแบบการจัดองค์กรมันไม่ได้เป็นแบบนั้น มันจะมีตั้งแต่คนทำงาน อาชีพ คนอยู่ในวงการโฆษณา ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ แล้วก็มาถึงนักเรียนนักศึกษา ฉะนั้นการแชร์ในเรื่องความคิดในเรื่องขององค์กรมันก็จะเป็นอีกลักษณะหนึ่งมันจะเป็นคนทั้งหมดของวงการศิลปินที่มาอยู่ร่วมกัน และก็มีส่วนของศิลปินอิสระเราก็จะอยู่ตรงนั้นประจำเหมือนอย่างว่าเฝ้าอยู่ตรงนั้นเราก็จะมีเวรยามที่จะอยู่ตรงนั้นประจำ ฉะนั้นเวลาเราขึ้นป้ายว่า สถานที่ตรงนั้นสร้างอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา กลางคืนกระทิงแดงมันก็จะขี่มอเตอร์ไซค์มาและเขวี้ยงเผา เราก็จะลงไปเคลียร์ เพราะมันไม่มีคนอยู่อย่างนี้โดยสถานการณ์ ฉะนั้นการเตรียมงานทุกอย่างจะเตรียมตรงนี้เป็นหลักเมื่อมีเหตุการณ์ตรงนี้เราก็ตรงนั้นคนมาที่ธรรมศาสตร์ วันที่ 4 ก็เปลี่ยนแล้วจุดตรงนี้ไม่ใช้แล้ว กตป. ก็มาใช้เมื่อก่อนมันเป็นที่ทำการพรรคน.ศ. ชื่อแนวประชา ซึ่งทุบไปแล้วชั้น 2 ก็อยู่กัน อยู่กันก็หารือกันมาวางแผนกันว่าในที่ไปประชุมร่วมกับองค์กรเคลื่อนไหวเขาก็อยากจะพยายามดึงและก็เชื่อมให้เป็นเรื่องเดียวกันหลังจากที่มีความคิดแยกกันอยู่ตั้งแต่ต้นว่า จะเคลื่อนเข้ามาหรือไม่เคลื่อน เข้ามาก็แล้วแต่ ก็เมื่อจะทำอย่างนั้นเราควรจะทำอย่างไรต่อไป ก็ไม่ได้เฉลียวใจในเรื่องตอนละคร ไอ้ตอนละครก็ยืนอยู่ตรงนั้น แต่ช่วงนั้นอาจารย์ ราวรรณไม่ได้อยู่ด้วย เนื่องจากว่ากระแสการต่อต้านในศิลปากรค่อนข้างสูงกว่ากรณีของอาจารย์ ราวรรณ อุปอิน ค่อนข้างมากมาก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากว่า อาจารย์ ราวรรณเองโดยสถานะ โดยอาชีพของอาจารย์เองแกเป็นช่างเขียนของในวังก่อนหน้านี้มีชื่อเสียงออกโทรทัศน์ ร่วมกับ รักษ์ รักษ์พงษ์สอนศิลปะ พอตอนหลังก็มาเติบโตในกระบวนการก็คงมีอะไรบ้าง อย่างจากข้างในที่ไม่พอใจแก ก็ถูกกลั่นแกล้งมาตลอดและแกก็จะโดนอย่างหนัก คือ ก่อน 6 ตุลา ไปไหนก็มีคนตามติดเลย โดนพักการเรียนการสอนมา มีความขัดแย้งกันมาหลายคนที่อยู่ตรงนั้นมันเป็นกรณีจนมีการกล่าวหาว่าอาจารย์ ราวรรณ แต่งหน้า ซึ่งก็เกิดจากประเด็นในการขัดแย้งตรงนี้ด้วย ทางเราเองหลังจากพอแบ่งงานแบ่งอะไรกันแล้ว แล้วเราก็กลับไปเคลื่อนที่เพาะช่าง มันหยุดหมดเลยนะฝ่ายที่เป็นศัตรูไม่เคลื่อนที่นั่น คือเขาคงวางหมากไว้พอสมควรคิดว่าอย่างนั้น พอผมกลับมาอีกทีในวันที่พวกเราเริ่มเข้มงวดในเรื่องของการตรวจคนที่จะเข้ามาตรวจเรียงหนึ่ง จำได้ว่าเป็นประตูทางด้านท่าพระจันทร์ ท่าพระอาทิตย์ ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรเท่าไร พอถึง 2 ทุ่ม ก็คือการแบ่งงาน ผมก็เป็นมือเขียนการ์ตูนเขาก็มอบหมายเงินมาส่วนหนึ่งให้ไปซื้อของแล้วให้กลับไปเขียนที่บ้าน ก็ออกมาแล้วไปซื้อของตอนนั้นก็มีทั้งคนข้างในข้างนอก ซึ่งข้างนอกนั้นไม่รู้ว่าใครบ้าง พอออกมาซื้อของตรงมุมถนนแถวนั้นจะมีเครื่องเขียนเยอะ ซื้อเสร็จผมก็ข้ามเรือ นั่งรถมาทางศิริราชแล้วก็กลับบ้าน ซึ่งบ้านผมอยู่ทางท่าพระ ก็กลับก็ด้วยความเพลียไม่ได้เขียนแล้วก็หลับไป นอนอยู่ชั้นบน ชั้นล่างเป็นน้าชายผม ผมก็ได้ยินเสียงจากวิทยุมันก็ได้ทำให้เราตื่นขึ้นมา ประมาณตี 3 ตี 4 ฆ่ากันใหญ่แล้ว น้าเขาอาจจะเจตนาเปิดขึ้นให้เราได้ยินก็ได้ ก็ลุกขึ้นแต่งตัวก็ออกมาเลย มารถเที่ยวแรกมาถึงสะพานพุทธ ข้ามมาตรงปากคลองตลาด คือเช้าของวันที่ 6 ประมาณตี 5 เขาไม่ให้รถเดินซีกในทั้งหมดปิดรถต้องวันเวย์กลับ ผมก็ลงตามปกติผมลงหน้าปากคลองตลาด เดินวนมาที่สวนกุหลาบ จะเข้าเพาะช่าง ในระหว่างนี้เองเพื่อน ๆ ที่ถูกยิงมาถูกยิงงวดแรกสุดประมาณตี 5  นิคม รัตนา กำแพง เป็นรุ่นพี่ผมกับแฟนเขากับกลุ่ม ตรงนี้จะมีคนคตายหลายคนสักหน่อย มันยิง M79 ลงมา และก็กลุ่มนี้ถูกพาไปศิริราช ไปศิริราชปรากฎว่ามันมีคนตามไปด้วยฝ่ายตรงข้าม นิคม เขาจำได้ อย่างที่เล่ามันเคยเห็นอยู่กันตลอดมันก็มาตำรวจไป แต่แฟนเขาหนักมากมาไม่ได้ นิคมก็หนีออกมา หนีออกมา มาเจอกันที่หน้าเพาะช่าง ตอนนั้นตี 5 กว่า ๆ ผมก็ถามมันเกิดอะไรขึ้น ข้อมูลต่าง ๆ มันได้ถูกทำลายไปหมดหรือยัง มันจะมีการตั้งคณะกรรมการสากลขึ้นมาตรวจสอบหรือสอบสวนไม่ว่าจะในแง่สิทธิมหาชน หรือในแง่ของการยุติธรรมในระดับของสหประชาชาติผมไม่รู้มีหรือเปล่า คิดว่าของเราเองควรจะทำได้ในระดับหนึ่งถ้าไม่อาศัยเงื่อนไขตรงนั้นคงจะยากอยู่พิสมควร เนื่องจากว่ามันเกี่ยวเนื่องกับสิ่งสูงสุดในเมืองไทย มันไปเกี่ยวเนื่องกันค่อนข้างมากถ้าพูดถึง 6 ตุลา

ใจ:                         อยากเห็นรัฐบาลไทยออกมาขอโทษไหม

คุณสินสวัสดิ์ :            ผมว่ารัฐบาลไทยวันนี้ มันคงไม่ใช่

ใจ:                         แปลว่ารัฐบาลไทยปัจจุบันมาขอโทษในนามรัฐบาลไทยไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลไทยชุดนี้มีส่วน

คุณสินสวัสดิ์ :            เรื่องจากนี้มันแทนกันไม่ได้เรื่องมันต่างกัน ประเด็นมันต่างกันผมว่าตรงนั้นมันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ ต่อมากกว่า

ใจ :                        เพราะว่าในออสเตรเลียก็มีการเรียกร้องให้รัฐบาลออสเตเลีย ปัจจุบันขอโทษสำหรับสิ่งที่ทำ

คุณสินสวัสดิ์ :             ผมดูว่าการะบวนการถ้ารู้ว่าใครที่เกี่ยวข้องแล้วสามารถที่จะพึ่งศาลได้มีการไต่สวนมีการตัดสินความเป็นตัวบุคคลได้คิดว่าจะเหมาะสมกว่า ขอโทษโดยรัฐบาลซึ่งมันกำกวม และมันรวม ๆ กันไปมากกว่า ถ้าทำได้ในระดับนั้นมันจะสามารถสมานแผลอะไรได้มากกว่า

ผู้หญิง :                    กรณี ปิโนเซ่ มันมีระยะเวลาไหมในฐานะที่เป็นอาชญากรที่เขาเรียกให้จัดการ คือ มักจะพูดว่ามันหมดอายุความแล้ว คือคนที่ตีความกฎหมายก็ว่าจัดการตามกฎหมายไม่ได้เพราะว่าพ้นอายุความแล้ว 20 ปี  คือมันจะขจัดวิธีคิดอย่างนี้ได้อย่างไร ซึ่งมันจะเป็นอย่างวิธีคิดในเชิงกฎหมายพอบอกว่าหมดอายุความก็จัดการไม่ได้เรื่องนั้นก็จบมันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น

คุณสินสวัสดิ์ :             จริง ๆ ผมเข้าใจว่าอายุความกฎหมายนี่จะเป็นการทำระหว่างบุคคลต่อบบุคคลมากกว่าอย่างเช่นกรณีผมไปยิงใครตายเป็นเรื่องส่วนตัวอะไรอย่างนี้ ขับรถชนคนตายมีอายุความแต่กรณีทางการเมืองไม่น่าจะเป็นเรื่องอย่างนี้

ผู้หญิง :                    อย่างเมื่อกี้พูดถึงคำว่าเรียกร้องในทางด้านสิทธิมนุษยชนในเมื่อรัฐธรรมนูญมีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขึ้นมา คิดว่าช่องทางนี้จะทำอะไรได้ไหมคะ

คุณสินสวัสดิ์ :             ผมไมมั่นใจเพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่กว่าคณะกรรมการที่มีอยู่ในเมืองไทย

ผู้หญิง :                    คือหมายความว่าต้องเชื่อมโยงกับสากลด้วย

คุณสินสวัสดิ์ :             ผมดูถ้าจะทำตรงนี้คงต้องหลายฝายและขันแข็งอย่างยิ่ง คนที่ได้รับผลโดยตรงกับเหตุการณ์ตอนนั้น

ผู้หญิง :                    ยากกว่าร้อยปี ปรีดี

คุณสินสวัสดิ์ :             ยากกว่าเยอะ

ผู้หญิง :                    มืออย่างอาจารย์ สุลักษณ์ ทำเรื่อง 100 ปี สำเร็จนี่ แต่ว่าเรื่อง 6 ตุลา ต้องเป็นระดับใครถึงจะสำเร็จ

คุณสินสวัสดิ์ :             จริง ๆ 100 ปี ร่วมมือกันลายฝ่ายมาก อ.สุลักษณ์ เป็นแค่เล็ก ๆ ถ้าไปเทียบ เขาเคลื่อนไหวในระดับสากลจริง ๆ และก็ใช้วิธีการทางการทูตจริง ๆ ในการที่ล็อบบี้กัน คือเห็นวิธีเลยว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จมันต้องใช้เครือข่ายเยอะมาก แต่ว่ามันสามารถมีผลต่อในประเทศ เห็นว่าวิธีการเดียวเท่านั้นที่จะใช้กับเมืองไทยในสถานการณ์แบบนี้

ผู้หญิง :                    คงต้องร้องเรียนกับ HCR ของเขามั่ง ของ United  Nation

คุณสินสวัสดิ์ :             ผมคิดว่าลำพังเฉพาะญาติคงไม่พอสมมุติว่าคิดมาเป็นรูปธรรมมีองค์กรและก็คนที่บาดเจ็บที่หลายคนพวกนี้จะมีความคิดก้าวหน้าทางการเมืองมากกว่าญาติ ถ้าพวกนี้เขายินดีก็น่าจะมีผลเพราะเขาเป็นผู้ถูกกระทำโดยตรง และก็เขาต้องการให้มันเคลียร์ บางคนก็บาดเจ็บ พิการ ซึ่งไม่สามารถที่จะมาเปิดเผยตัวตนได้รู้สึกว่าสังคมไม่ยอมรับ

ใจ :                         วันนี้เอาหนังสือหรือเอกสารมาด้วยหรือเปล่าครับ

คุณสินสวัสดิ์ :             ก็เป็นพวกหนังสือพิมพ์ พวกอะไรอย่างนี้ครับเพียงแต่ว่าจะชี้ให้เห็นเท่านั้นเอง