Documentation of Oct 6

สุชาติ อารยพัฒนกุล

คำถาม  –                      อยากให้บอกว่า  ตอนนี้กำลังทำอะไรและใครเป็นคนติดต่อไป  และในช่วง 6 ตุ.ค. 19 ทำอะไร

อ.ชลธิรา  –                    คุณสุชาติทำอะไร

คุณสุชาติ  –                   ที่มีที่นี่เนื่องจากผมได้ยินจากรายการวิทยุว่าที่โรงแรมรัตน   โกสินทร์ (ที่เดิม)  มีงานที่ ดร.ใจ  ผมก็ชวนเพื่อนไป 4 คน  พอไปถึงแล้วเขาจะเก็บเงินคนละ 400 บาท  ผมมีสตางค์นิดหน่อยก็ไม่ได้เข้าไป  ผมก็ไปเห็นนิทรรศการที่หน้าห้องก็สนใจออกมาก็มานั่งเขียนคำโคลงบทหนึ่ง  ฝากให้พันตรีสวัสดิ์  หรือฝากให้ใคร คำโคลงก็เป็นกระทู้ อ.ใจ  อึ๊งภากรณ์  ผมเขียนเสร็จก็ย้อนกลับใบกรอกใบสมัคร   ที่จะช่วยเหลือคำให้การกรณี 7 ตุลา  วันที่สอง  กล่าวถึงตอน 6 ตุลาคม  ผมมีอาชีพขับแท็กซี่อยู่ช่วงนั้น  เป็นช่วงที่บ้านเมืองวุนวายก็ชอบฟังวิทยุยานเกราะเพราะข่าวมันแรงวันนั้นประมาณตี 5

คำถาม  –                      ขอขัดนิดนึง  ตอนนี้ประกอบอาชีพอะไร

คุณสุชาติ  –                   นอนนี้ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรแล้วไปทำธุรกิจที่ระยองแล้วก็ เลิกมาสองถึงสามปีแล้วมาอยู่บ้านอยู่เฉย ๆ วัน ๆ ก็ได้ไปคุยกับพรรคพวกบ้าง อายุ 68 ปี เกิดปี 2475

คำถาม  –                       อยากจะให้เริ่มเล่าว่าในวันที่ 5 ตุลา  2519 คุณสุชาติอยู่ทีไหนและเห็นอะไร

คุณสุชาติ  –                    เริ่มวันที่ 6 เลยดีกว่า  วันที่ 6 ตอนเข้า ผมได้คนโดยสารไปสามแยกไฟฉายในขณะที่ผ่านสนามหลวงได้ยินเสียงปืน  ตอนนั้นยังไม่สว่างก็รู้ว่าเกิดยิงกันที่ธรรมศาสตร์แล้ว  เพราะว่าตอนนั้นได้ไปฟังการชุมนุม  ความจริงไปทั้งครอบครัว ลูก 2 คน และภรรยานั่งแท็กซี่ไปฟัง  เมื่อไปส่งคนที่นั้นแล้ววิ่งกลับมาทางเดิมไม่ได้คิดอะไร  ผมก็เอารถไปจอดที่ศาลที่กระทรวงยุติธรรมในรถผมมีกล้องถ่ายรูปแต่ผมถ่ายไม่ค่อยเป็นเมื่อเห็นเหตุการณ์อย่างนี้ผมก็ไปซื้อฟิมล์มาม้วนหนึ่งเป็นฟิล์มขาวดำก็ถ่ายก่อนที่ประตูธรรมศาสตร์จะแตก  ตอนนั้นประมาณ 6 กว่าแล้ว  ตอนนั้นมีรถเมล์เหลืองถอยหลังไปชนประตูธรรมศาสตร์  แล้วก็มีพวกประชาชนบุกเข้าไป  ก็เห็นพวกนักหนังสือพิมพ์จะถ่ายก็ตามเขาเข้าไป  ในขณะที่เสียงปืนดังก็แอบอยู่ที่โคนต้นมะม่วงในขณะคนที่กล้าเข้าไปเสี่ยงไม่มาก มีคนกระจายแอบอยู่ตามที่เขาคิดว่าปลอดภัยเยอะเลย  ประมาณ 7 โมงกว่า ๆ หรือ 8 โมงกว่า ๆ (ประชาชนทั้งตำรวจทั้งทหาร)

คำถาม  –                      ประชาชนทหารและตำรวจบุกเข้าไปธรรมศาสตร์

คุณสุชาติ  –                   ก็มั่นใจว่าจะเป็นลูกเสือชาวบ้าน  เพราะเห็นใส่ผ้าพันคอลูกเสือชาวบ้านแล้วมีคนหนึ่งท้วงว่าผ้าพันคอให้เอาออกเสีย  เขาก็เอาออก  เพราะไม่ต้องการให้คนเห็นว่าเป็นลูกเสือชาวบ้านแต่สักพักหนึ่งก็เอาผ้าพันคอมาใส่อีก  ซึ่งผมก็คิดอยู่ในใจว่าผ้าพันคอนี้เป็นของขลังเพราะผ่านในพิธีปลุกเสกมาแล้ว  เขาอยากเอาผ้าพันคอมาป้องกันตัวเองเพราะเสียงปืนดังอยู่ตลอดเวลา

คุณสุชาติ  –                   ถ้าเราอยู่ด้านธรรมศาสตร์  เสียงปืนจะดังออกมาจากธรรมศาสตร์ แต่ถ้าดังมาจากทางท่าพระจันทร์หรือประตูท่าช้าง – วังหน้า

คำถาม  –                      เป็นเสียงปืนประเภทไหน  คุณเคยได้ยินเสียงปืนไหม

คุณสุชาติ  –                   เคยได้ยินเสียงปืนจะดังออกมาเป็นชุด  ๆ

คำถาม  –                      คิดว่าเป็นเสียงปืนกล  หรือปืนพกเล็ก

คุณสุชาติ  –                   เสียงปืนจะปนกันทีละนัดก็มีเป็นชุด ๆ ก็มี  พอบุกเข้าไปถึงหน้าหอประชุมใหญ่จะหยุดอยู่หน้าหอประชุมอยู่นาน  แล้วก็จะมีคนที่ถูกจับออกมา  ถูกซ้อมมาเลือดออก  เดินออกจากหอประชุมใหญ่  เดินผ่านหน้าเราออกไปก็ถ่านรูปไว้  จากคนที่ผ่านเราไปเข้าใจว่าไปถูกแขวนคอหรือถูกเผา  ที่นางธรณีบีบมวยผม  ออกไปสักประมาณ 5-6 คน  จากด้านหอประชุมธรรมศาสตร์เรามองเข้าไปไกล ๆ เห็นตึกโดม  เห็นตึกบัญชี  มีสนามฟุตบอลอยู่ตรงกลาง  ด้านขวาของสนามฟุตบอลเป็นตึกคณะนิติศาสตร์  แล้วก็มีคนผูกคอคนคล้าย ๆ กับเป็นเชือกหรือผ้าขาวม้ามองไกล ๆ ลาย ๆ ลากคอคนออกตึกนิติศาสตร์มากลางสนามฟุตบอล  คนที่ตามหลังออกมาเอาผ้าแดงที่คล้ายใช้แสดงลิเก  เข้าใจว่าเป็นการแต่งกายล้อจอมพลถนอม  ล้อตอนเป็นเณรเข้ามามีวิกหัวโล้น

คำถาม  –                      คิดว่าคนที่ถูกผูกคอแล้วลากออมาจากคณะนิติศาสตร์  ตายหรือไม่

คุณสุชาติ  –                   คิดว่ายังไม่ตายเนื่องจากมีนักศึกษาแพทย์ที่ใส่เสื่อกาวน์  เข้าใจว่าข้ามจากศิริราชถือกระเป๋ายาเดินไปที่คนนี้  แต่ก็มีคนโห่ร้องไล่ไม่ให้ช่วยคน  แล้วก็เดินมาได้หน่อยเดี๋ยวก็เดินกลับ

คำถาม  –                      คนที่เป็นคนลากคนที่ถูกผูกคอเป็นคนที่ใส่เครื่องแบบ  หรือมีอะไรที่พอจะดูได้ว่าเป็นจากกลุ่มไหน

คุณสุชาติ –                     ไม่ใส่เครื่องแบบในขณะนั้นหอประชุมใหญ่  ติดอยู่กับพิพิธภัณฑ์บนเพดานพิพิธภัณฑ์มีช่องลม มีปืนโผล่ออกมาจากช่องลม  คนก็ชี้ให้ดู  คนในช่องลมก็เอาหมวกตำรวจโผล่ออกมาให้ดูให้รู้ว่าขางบนนี้เป็นตำรวจ ทำให้เรารู้ว่าเสียงปืนยิงมากจากพิพิธภัณฑ์ในช่องลม  ยิงข้ามไปที่ตึกบัญชี  เราอยู่ที่หน้าหอประชุมธรรมศาสตร์เวลาปืนดังขึ้นมาจะเห็นนักศึกษาลงมาจากตึกโดมแล้วคลานไปตามถนนรอบบ ๆ สนามฟุตบอล  เข้าไปในตึกบัญชี  ทางพิพิธภัณฑ์ยิงปืนเข้าไป  นักศึกษาที่ตึกบัญชีคลานลงมายอมจำนนที่สนามฟุตบอล  ในขณะที่นักศึกษายอมจำนนในสนามฟุตบอลนั้น  ผมก็ตามนักข่าวเขาไปที่สนามฟุตบอล  ที่ขณะที่นักศึกษาเดินไปที่สนามฟุตบอลก็มีตำรวจแต่งเรื่องแบบเข้าไปที่สนามฟุตบอล  ตำรวจคนหนึ่งเอาท่อนปืนกระแทกปากนักศึกษาอย่างแรง  ผมก็มาทราบจากข่าวหนังสือพิมพ์ นักศึกษาคนนี้ต้องเข้าโรงพยาบาลไปผ่าตัด 10-20 ครั้ง

คำถาม  –                       ตอนนั้นนักศึกษาคนนั้นมีพฤติกรรมอะไรที่ไปทำให้ตำรวจใช้ปืน  กระแทกเอามั้ยครับ

คุณสุชาติ  –                    ไม่มีเลย มันเกิดจากความหมั่นไส้ของตำรวจนักศึกษาถูกสั่งให้  ถอดเสื้อ  แม้แต่นักศึกษาหญิงถูกสั่งให้ถอดเสื้อ  นักศึกษาหญิงนะ ถอดเสื้อเหลือแต่เสื้อยกทรงนักศึกษาหญิงคนหนึ่งถามว่าเสื้อในต้องถอดมั้ยคะ  แล้วสักพักหนึ่งมีคำสั่งให้นักศึกษาหญิงใส่เสื้อก็ควานหาเสื้อกันใหญ่  แล้วพันตำรวจโทสล้าง

คำถาม  –                      ทำไมรู้ว่าเป็นพันตำรวจโทสล้าง  บุนนาค

คุณสุชาติ  –                   พันตำรวจโทสล้าง  บุนนาค  แต่งกายเครื่องแบบชุดสีขี้ม้า  สวมหมวกจ๊อกกี้  ติดเครื่องหมายที่คอ  เป็นมงกุฎครอบดาว  และที่เสื้อเขียนว่า สล้าง  บุนนาค  อันนี้มั่นใจเพราะไม่เคยทราบมาก่อน

คำถาม  –                       ตอนนั้นคงจะมีตำรวจหลายคนเดินไปเดินมาซึ่งอาจจะมีชื่อติดไว้

คุณสุชาติ  –                    ชื่อเสียงของตำรวจสล้าง  จะเป็นชื่อเสียงที่มีคนกล่าวขวัญถึงก่อนหน้านั้น  ผมติดตามประวัติของพันตำรวจโทสล้าง  ตั้งแต่เป็นร้อยตรีไปอยู่ที่หาดใหญ่จนได้เป็นสารวัตรใหญ่ที่หาดใหญ่มีคำสั่งให้ย้ายกลับมา

คำถาม  –                       ข้อมูลที่ว่าไปอยู่ที่หาดใหญ่แล้วย้ายกลับมาคุณสุชาติรู้ก่อนเหตุการณ์หรือไม่

คุณสุชาติ  –                    รู้ก่อนเหตุการณ์  รู้ด้วยว่าพ่อค้าในหาดใหญ่เลี้ยงส่งสล้างด้วยการเอาตัวไปชั่งน้ำหนักถ้าน้ำหนักเท่าไหร่ก็เอาทองมาชั่งให้เท่ากับน้ำหนักพันตำรวจโทสล้างให้เป็นของฝากนี่อ่านจากข่าว

คำถาม  –                       ในธรรมศาสตร์พันตำรวจโทสล้าง  บุนนาค  ยืนด่านักศึกษา

คุณสุชาติ  –                   “อีดอกทอง”  เป็นอย่างไรบ้างสังคมนิยมดีมั้ยสมน้ำหน้ามั้ย  ผม  ยืนห่างพันตำรวจโทสล้างไม่ไกลนักแล้วพันตำรวจโทสล้างพูดมาว่า …….( สักอย่างฟังไม่ออก)  ทำให้ผมต้องออกมายืนไกล ๆ เพราะกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยเพราะเราไม่ใช่นักข่าว  แต่เป็นคนขับแท็กซี่สมัยนั้นมีป้ายชื่อปักเป็นตัวอักษร  ผมก็เลยต้องออกไป  ก็มีตำรวจอยู่คนหนึ่งเดินเก็บแว่นนักศึกษาถ้าอันไหนตกลงไปก็เหยียบซ้ำให้แตกแล้วก็เอาปืนกระแทกปากนักศึกษาคนหนึ่ง  นักข่าวสองคนนะยืนคุยกันบอกว่า “ในสงครามเขายังไม่ทำกันขนาดนี้เลย”  ผมไปยืนฟังอยู่หลังจากที่นักศึกษายอมจำนนแล้ว  รถเมล์ขาวมารับนักศึกษาต้อนนักศึกษาขึ้นบนรถ  ประชาชนพวกที่เข้าไปดู  เอาหินเอาดินขว้างนักศึกษา  ซึ่งกำลังจะขึ้นรถ  ต้องหลบต้องหมอบขั้นตอนนั้นประมาณใกล้ 11 โมง  ผมเหนื่อยมาก  ตอนนั้นก็เดินออกจากธรรมศาสตร์ก็มาเจอคนถูกแขวนคอที่ต้นไม้แล้วก็มีพวกที่ทำร้ายร่างกายคนที่ถูกแขวนคอ  ก็เดินเลยข้ามสนามหลวงมาที่หน้า..

คำถาม  –                       ( แทรก )ที่เห็นคนถูกแขวนคอ     เห็นเหตุการณ์หรือไม่

คุณสุชาติ  –                   เห็นว่าแขวนแล้วและมีคนไปซ้อม  ไปทำร้ายก็เข้าใจว่าเขาตายแล้ว  ก็ยืนดูอยู่สักประเดี๋ยวหนึ่งก็เดินเลยข้ามสนามหลวงไปหารถ  ก็เห็นควันไปขึ้นมีคนมุงดูอยู่ก็เห็นศพถูกเผาโดยยางรถยนต์ ประมาณ 3-4 คน  มีผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างผม  บอกว่าเมื่อกี้นี้ขายังกระดิกอยู่เลย  แล้วจากนั้นผมก็กลับบ้านคือต้องการกลับไปพักผ่อน  ก็กลับไปเอารถแท็กซี่ในขณะที่ยังยุ่ง ๆ ที่สนามหลวงที่ถ่ายรูปหมดไป 3 ม้วน  โดยไปซื้อฟิล์มทีละม้วน  ขับรถไปซื้อใกล้  ๆ  ที่ปากคลองตลาดแล้วกลับมาถ่ายอีก  หลังจากที่กลับไปแล้วผมจะไปแวะบ้านเพื่อนผมคือร้อยตำรวจเอก ภาณุ  พันเนียม  เป็นเพื่อนสนิทกันมากก็ไปเล่าให้เพื่อนฟัง  แล้วก็ให้เพื่อนเอาฟิล์มไปล้าง ภาณุ  พันเนียม  ก็เอาฟิล์ม 3  ม้วนนี้ให้สันติบาลเพราะมีเพื่อนอยู่ไปล้างที่สันติบาล

คำถาม  –                      สะกดยังไงคะ นามสกุล

คุณสุชาติ  –                   พันเนียม  นามสกุล  เป็นเพื่อนสนิทกันมากทำงานอยู่ที่สันติบาล  เป็นตำรวจที่ถูกข้อหากบฏในราชอาณาจักรในสมัยจอมพลหฤกดิ์หลัง  2500 แล้วก็ถูกออกจากราชการ

คำถาม  –                      แล้วเขาเอาฟิล์มไปล้างที่สันติบาล

คุณสุชาติ  –                   ผมก็ไปขอฟิล์มเขาก็ไม่ให้ฟิล์มมาให้แต่รูปมา 3 ม้วน  รูปผมก็เอามาดูให้คนดูเยอะเลย  แม้แต่เอาไปศิริราช  ซึ่งเสี่ยงมาก เอาไปให้หมอดู  ซึ่งเป็นหมอที่เป็นเพื่อนกัน  หมอจรัล…..(นามสกุลไม่ชัด)  ทั้งสองคนผัวเมียเป็นกันคุยกันเรื่องการเมืองถูกคอ  ผมเล่าให้ฟังแม้กระทั่งนักศึกษาที่เข้าไปถ่ายรูป  จะไปพยาบาลคนป่วยที่ถูกลากคอไป  เขาได้ดูรูปด้วย  แล้วมาตอนหลังเขาจับเขาค้นพวกเอกสารจับที่โน่นที่บางคนเอาเอกสารไปทิ้งตามถนน  ผมก็กลัว  ผมมีพี่ภรรยาคนหนึ่งเป็นนายตำรวจ  ยศ พันตำรวจโท  อยู่กองบัญชาการสื่อสาร  ผมก็เอารูปสามม้วนไปฝากพี่เมียไว้ พี่เมียก็กลัวหนังสือที่มาจากจีนแดงเกี่ยวกับลัทธิคอมมูนิสต์เอาไปฝากพ่อไว้  อ.บ้านนา จ. ( ไม่ชัด ) หนังเราก็เผาทั้งหมด ผมก็กลัวขณะนั้น รูป 3 ม้วน ผมก็กลัว ถ่ายไว้เป็นฟิล์ม ขาว – ดำ  มันอันเดอร์ไม่ชัดเจนแต่ว่าพอเห็น

คำถาม –                       รูปเลยไม่อยู่แล้ว

( อ. ชลธิชา )

คุณสุชาติ –                    ไม่อยู่แล้วน่าเสียดาย

คำถาม  –                      ตอนที่เดินข้ามสนามหลวงแล้วก็เห็นคนผูกคอตายอยู่ มีคนทำร้ายคนนั้น มีการเผาศพ ประชาชนที่มุงดูเป็นพวกไหน

คุณสุชาติ –                    เป็นพวกอยากรู้อยากเห็นแล้ว ตอนแรก ๆ เลยที่จะบุกเข้าสนามหลวงจะมีเข้าใจว่าเป็นลูกเสือชาวบ้าน วิทยุยานเกราะจะพูดอยู่ตลอดเวลา ทั้งวัน ทั้งคืน คนที่พูดคือ ยศขณะนั้นคือพันโทอุธารณ์  สันติวงค์และคนที่ชอบไปพูดในวิทยุยานเกราะ เข้าจะเปิดโอกาสให้ประชาชน ใครอยากไปพูดก็ได้ ส่วนใหญ่ก็จะด่านักศึกษา หาว่าเป็นคอมมูนิสต์ คนที่จะไปพูดสถานีนี้มากคือ 3 อ.  อ. ที่ 1  คือ อุธารณ์  พันโทอุธารณ์ อ. ที่2 คือ อาคม มกรานนท์ อ. ที่ 3 คือ อุทิศ  นาคสวัสดิ์ เป็น ดร.  ผู้หญิงจะมี 2 คน คือ คุณหนึ่งพูดไปร้องให้ไป ใช้ชื่อว่านางบัว ตอนหลังผมมาทราบว่า นางบัวคือคุณจงกล (อ่านจากบันทึก) ศรีกาญจนา เป็นภรรยาของนายพยับ ศรีกาญจนา เจ้าของบริษัทอคาเณย์ประกันภัย ซึ่งใช้ชื่อว่านางบัว พูดไปร้องให้ไป คนก็จะคล้อยตามว่า นักศึกษาเป็นคอมมูนิสต์ที่จะทำลายชาติ ทำลายศาสนา ทำลายพระมหากษัตริย์ อีกคนหลังที่ไปพูดคือ วิมล เจียมเจริญ หรือ ทมยันตี ขณะนั้นใช้นามสกุล เจียมเจริญ เพราะสามีเป็นตำรวจ ซึ่งนามสกุลเจียมเจริญ ผมจำชื่อสามีเขาไม่ได้ 2 คนที่มีบทบาทที่ไปพูดที่สถานีวิทยุยานเกราะ แล้วจะเปิด โอกาศให้ประชาชนมีใครก็ได้ที่ไม่พูดแต่ต้องโจมตีนักศึกษา

คำถาม –                       ในวันที่ 5 ตุลาคม ฟังสถานีวิทยุยานเกราะบ้างมั้ยครับ ได้ยินอะไรบ้างมั้ยครับ

คุณสุชาติ –                    ฟัง ก็ได้ยินว่า ตอนวันที่ 5 ตอนเย็น ๆ สถานีวิทยุยานเกราะ จะเน้นเรื่องที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ การแสดงละครที่ลานโพธิ์ ที่เอาคนไปผูกคอลานโพธิ์ เพื่อล้อเลียนพนักงานไฟฟ้าที่ถูกแขวนคอที่นครปฐม ตอนเย็นของวันที่ 5 จะมีหนังสือพิมพ์ดาวสยาม มีรูปคนที่ถูกแขวนคอ แต่งหน้า เป็นฟ้าชาย และวิทยุยานเกราะ จะพูดแต่เรื่องนี้ตลอดเวลา

คุณสุชาติ –                    คนที่แสดงเป็นนถูกแขวนคอผมมาทราบทีหลังว่า ชื่อนายอภินันท์ บัวภักดี  ผมรู้จักพ่อของนายอภินันท์ บัวภักดี เป็นครู อยู่ที่ อำเภอ บ้านนา ผมเป็นคนอำเภอบ้านนา จ. นครนายก  นายอภินันท์  บัวภักดี มีบิดา เป็นครู ชื่อ บุญมา  บัวภักดี พี่ชายของนายอภินันท์ชื่อ บุณเกิด  ที่รู้จักกัน แต่อภินันท์ นี้ไม่รู้จัก มาทราบตอนหลังว่าเป็นคนอำเภอบ้านนา คุณบุญมา เป็นครูที่ดีมาก ไม่ดื่มเหล้า ตั้งโรงเรียนส่วนตัวเอง สอนนักเรียน แบบใครมีสตางค์ไปเรียนก็ได้ ไม่มีก็ได้ เป็นครูทีใจดีมาก ภรรยาคุณบุญมาทำขนมขาย

คำถาม –                       ขณะที่อยู่ในเหตุการณ์ วันที่ 6 ตุลาคม ทั้งเหตุการณ์ในวันที่ที่ 6  คุณลุงได้เห็นเจ้าหน้าที่ ของรัฐพยายามห้ามไม่ให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดบ้างหรือไม่

คุณสุชาติ –                    ไม่มีเลยครับ ไม่มีใครห้ามแม้กระทั่งหาการไปตีศพที่ถูกแขวนคอแล้ว ก็ยังไม่มีการห้าม

คำถาม –                       แล้วเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ในสถานการณ์นั้นใช่มั้ยครับ

คุณสุชาติ –                    มีคนแต่งเครื่องแบบเต็มไปหมด

คำถาม –                       คุณลุงพอจะประเมิณจากสถานการณ์ในช่วงนั้น ได้มั้ยคะ ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ คนไหนเป็นคนนำพาเรื่องพวกนี้ เป๋นออกคำสั่ง อย่างเมื่อกี้ยกตัวอย่างชื่อพันโท สล้าง บุนนาค มีคนที่เหนือกว่าพันโท สล้าง บุนนาค มั้ยที่อยู่ในเหตุการณ์

คุณสุชาติ –                    ไม่มีเลย

คำถาม –                       คิดว่าพันโท สล้าง เป็นผู้บัญชาการ

คุณสุชาติ –                    ไม่เห็นคนที่มียศใหญ่กว่าพันโท สล้าง

คำถาม –                        สล้าง บุนนาค ถืออาวุธหรือไม่

คุณสุชาติ –                    ถือปืน M16 ที่ผมรู้จักปืน M16 เพราะผมคุ้นกันกับปืนชนิดนี้

คำถาม –                       แล้วเห็นพันโท สล้าง ใช้ปืน M16 มั้ยครับ

คุณสุชาติ –                    ไม่เห็น ไม่ได้ใช้ ขอ เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิทยุยานเกราะ ตอนเย็น ประมาณ 18 น. วิทยุยานเกราะ ประกาศว่า ดร. ป๋วย กำลังหนีออกนอกปนะเทศ ให้ลูกเสือชาวบ้านไปที่สนามบินดอนเมือง บอกว่าขณะนั้น “ดร. ป๋วยกำลังจะหนีออกนอกประเทศแล้ว” อันนี้ได้ยินเองชัดเจน เพราะผมขับรถแท็กซี่ หาเงินอยู่มันไม่มีอะไรดีไปกว่าฟังวิทยุยานเกราะ เราจะได้รู้เรื่องทันเหตุการณ์

คำถาม –                       สถานีวิทยุยานเกราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 6 มั้ยครับ

คุณสุชาติ –                    แน่นอน สถานีวิทยุยานเกราะมีส่วนให้ประชาชนมาไม่ว่าจะเหตุการณ์ที่ไหน สถานีวิทยุยานเกราะพูดอยู่ตลอดเวลา ไม่มีรายอื่นเลยนอกจากการปลุกระดมให้คนมาทำร้ายนักศึกษา

คำถาม –                       ปลุกระดมให้ทำร้ายสักศึกษา นี่ปลุกอย่างไร

คุณสุชาติ –                    ปลุกระดมว่านักศึกษาเป็นคอมมูนิสต์ จะมาทำลายชาติ ทำลายศาสนา ทำลายพระมหากษัตริย์

คำถาม –                       มีคำแนะนำโดยตรงให้ทำร้ายนักศึกษาหรือแค่บอกว่านักศึกษาเป็นคอมมูนิสต์

คุณสุชาติ –                    เพียงแต่บอกว่าพวกนั้นเป็นพวกคอมมูนิสต์

คำถาม –                       คุณลุงเล่าตอนแรกว่า พาลูกพาภรรยาไปนั่งนักศึกษาชุมนุมประท้วงแถวสนามหลวงหรือใน ม.ธรรมศาสตร์ ด้วย

คุณสุชาติ –                    ในม. ธรรมศาสตร์ ไม่ได้เข้าไปช่วงก่อนหน้านั้นก็จะปราศรัยกันที่สนามหลวง ด้านหน้าจะเป็นนักศึกษา อีกด้านหนึ่งจะเป็นพวกฝ่ายตรงข้ามกับนักศึกษาแต่ฝายนั้นจะไม่ค่อยมีบทบาท และเมื่อพูดแล้วไม่มีคนฟังก็จะเลิกลา มาก่อกวนทางฝ่ายนักศึกษา

คำถาม –                       คุณลุงก็เลยฟังทั้งสองฝ่าย

คุณสุชาติ –                    ไม่ใช่ เราก็เดินไปเดินทาง บางทีก็มองเห็นไกล ๆ เรากลัวว่าไปฟังพวกนี้จะมีอันตรายพวกทางนี้คนมากกว่า

คำถาม –                       ในฐานะที่เป็นประชาชนที่ไปฟังนักศึกษา ชุมนุมหลายครั้งจนกระทั่งสิ้นสุดเหตุการณ์ วันที่ 6 ตุลาคม  คุณลุงคิดนักศึกษาเป็นคอมมูนิสต์ เป็นผู้ที่จะทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างที่วิทยุยานเกราะและดาวสยามพยายามบอกไว้หรือเปล่า?

คุณสุชาติ –                    คือเราดูพวกนักศึกษาเป็นลูกเป็นหลาน และนักศึกษาก็ต่อต้านจอมพลถนอม จอมพลประภาสไม่ให้เข้ามา เราก็อยู่ทางฝ่ายพวกนักศึกษา สนับสนุนพวกนักศึกษา ถึงอยากฟังพวกนักศึกษา

คำถาม –                       คุณลุงคิดที่พวกนักศึกษาชุมนุม กันจนถูกฆ่าตายแบบนั้น เขามีเจตนารมณ์อย่างไร คุณลุงเข้าใจพวกเขาอย่างไร ในฐานะประชาชน

คุณสุชาติ –                    ผมมีความสนิทสนมกับคุณภาณุ คุณภาณุ ตั้งแต่มีการชุมนุม 14 ตุลา – 6 ตุลา ก็จะออกจากบ้านไปชุมนุมกับเขาด้วย เขาบอกว่าถ้าเขาไม่ออกไปคนอื่นเขาก็ไม่ออก เมื่อไม่มีใครออกไป ก็ไม่มีใครจะทำเพื่อบ้านเพื่อเมือง ตอน 14 ตุลาคม แม้กระทั่งเด็กโรงเรียนชั้นประถมตัวเล็ก ๆ เค้ายังออกมาเดินขบวนคนเป็นแสนขณะนั้นผมก็ขับแท็กซี่แล้ว คุณภาณุบอกว่าเขาออกจากบ้านก็มาทั้งครอบครัวมาที่อนุเสาวรีย์ตรงสนามหลวง แล้วเราก็เห็นด้วยกับคุณภาณุ คือถ้ามีการมาฟังอะไรเราก็มาทั้งลูกทั้งเมียด้วย

คำถาม –                       คุณภาณุนี้ยังมีชีวิตมั้ยครับ

คุณสุชาติ –                    ยังมีอยู่ครับ  วันนี้ผมยังชวนบอกให้แกมาเลย คุณภาณุแกแนะนำว่าเอารุ่นเด็ก ๆ ดีกว่า เอาลูกสาวที่เป็น ดร.นริมล สอนอยู่ที่ธรรมศาสตร์ ผมให้ชื่อกับคุณก้อยไว้แล้ว

คำถาม –                       ตอนที่เดนเข้าไปใน ม. ธรรมศาสตร์ กับฝูงชน เห็นคนถืออาวุธบ้างมั้ยครับ จากที่เล่าว่ามีปืนโผล่มาจากเพดานพิพิธภัณท์

คุณสุชาติ –                     คนถืออาวุธส่วนใหญ่เป็นตำรวจ คนที่ไม่แต่งเครื่องแบบก็ถืออาวุธ คนเหล่านี้มักใส่เสื้อวอร์ม หรือใส่เสื้อให้รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่เราก็รู้ครับ

คำถาม –                       ก็เห็นเจ้าหน้าที่ทั้งที่แต่งตัวและไม่แต่ง เครื่องแบบถืออาวุธใช่มั้ยครับ และถืออาวุธแบบไหน

คุณสุชาติ –                    ส่วนใหญ่เป็นปืนเร็วยิงเร็วพวก M16 และมีอยู่ชุดหนึ่งเป็นทหารแบกปืน ต้องแบกเนื่องจากมันใหญ่มาก เท่าที่ทราบเป็นปืนร้ายแรงสะท้อน มีมากระบอกเดียวแล้วก็ยิงครั้งเดียว เพราะถ้ายิงแล้วเสียงมันดังมาก พอเสียงปืนนี้ดังคนก็เฮหนีรอบ ๆ ม. ธรรมศาสตร์ เสียงปืนนี้ดังขึ้นแล้วนักศึกษาจึงยอมจำนนและนักศึกษาที่ยอมจำนนส่วนใหญ่จะอยู่ในตึกบัญชี และเป็นตึกที่รอยกระสุนโดนยิงมากที่สุด กระสุนที่ยิงผ่านจากชั้นบนของพิพิธภัณท์ และหลังจากยอมจำนนแล้วยังมีปืนอีกชุดหนึ่ง ที่ยิงเข้าไปในตึกบัญชีทุกคนในสนามฟุตบอลต้องนอนลงกับพื้น  ปืนเป็นหมื่น ๆ นัด ซึ่งเมื่อผมได้ยินเสียงปืนแล้วก็นึกว่าชีวิตเรารอดมาได้อย่างไร ปืนยังข้ามหัวไป ก็นึกภาวนาอย่าให้ยิงมาในสนาม แต่ก็คงไม่กล้ายิงหรอก เพราะตำรวจก็อยู่ในสนาม ทุกคนนอนราบหมด

คำถาม –                       ยิงมาจากไหน

คุณสุชาติ –                    ยิงมาจากด้านพิพิธภัณท์เพราะติดกับธรรมศาสตร์เสียงปืนข้ามหัวเราไป เป็นหมื่น ๆ นัด หลังจากสงบแล้วเราก็ลุกขึ้นยืนดูเห็นผู้หญิง ผู้ชาย นอนชนกันไป

คำถาม –                       นอกจากเจ้าหน้าที่ที่แต่งเครื่องแบบและเจ้าหน้าที่ที่สันนิฐานว่าไม่แต่งเครื่องแบบ เห็นคนอื่นถือมั้ย

คุณสุชาติ –                    ไม่เห็นก็มีเพียงเจ้าหน้าที่ที่ไม่แต่งเครื่องแบบ แต่ว่าถ้าถือปืนเราก็จะรู้แล้วว่าต้องเป็นเจ้าหน้าที่แล้ว

คำถาม –                       เห็นนักศึกษาถือปืนบ้างมั้ย

คุณสุชาติ –                    ไม่เห็น หลังจากที่นักศึกษายอมจำนนแล้ว ผมเดินไปข้าง ๆ พุ่มเข็มริม ๆ หอประชุมใหญ่ จะมีศพคนตายอยู่หลายศพที่พุ่มเข็มถ้าเดินไปดูพบคนตายอยู่

คำถาม –                       เป็นใครครับ

คุณสุชาติ –                    เข้าใจว่าเป็นพวกนักศึกษาที่ไปชุมนุมใน ม.ธรรมศาสตร์แล้วไม่ได้ออกมา บางคนที่ออกมาก็เป็นคนสูงอายุ บางคนก็อายุมากแล้ว สี่สิบกว่าแล้ว และหลายคนที่ถูกจับออกมาจากหอประชุม

คำถาม –                       คุณลุงอยู่ในเหตุการณ์ที่เห็นเจ้าหน้าที่ของรัฐยิงปืนเข้าในม. ธรรมศาสตร์

คุณสุชาติ –                    เห็นและคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐยิงเข้าไป

คำถาม –                      คิดว่าเจ้าหน้ารัฐมีความชองธรรม ที่จะยิงปืนเข้าไปใน ม. ธรรมศาสตร์มั้ยครับ มีความจำเป็นมั้ยครับ

คุณสุชาติ-                     ไม่มีความจำเป็นเพระนักศึกษาไม่มีอาวุธ แล้วเค้าก็ยอมจำนนแล้ว เป็นการยิงข่มขู่เพื่อที่จะให้นักศึกษายอมจำนน ตั้งแต่ที่ยังยอมจำนนที่เห็นนักศึกษาคลานจาก ไม่ได้วิ่งไม่ได้เดิน ใช้คลาน การคลานเป็นการหลบวิถีกระสุน ได้ดีกว่าเดินและวิ่ง คลานจากด้านตึกโดมมองเห็นไกล ๆ เหมือนมดที่คลานกันเป็นฝูง ๆ แล้วเข้าไปในตึกบัญชี แล้วก็ถูกยิงที่ตึกบัญชี ถูกยิงหลายชุด จนนักศึกษายอมคลานออกมา คลานลงบันได มาที่สนามฟุตบอล

คำถาม –                       ที่บอกว่าต้องยิงเข้าไปให้นักศึกษายอมจำนน ถ้านักศึกษาไม่ยอมจำนนเขาจะสู้หรือไม่ คือความหมายของคำว่ายอมจำนนคืออะไร

คุณสุชาติ –                    ที่นักศึกษายอมจำนนผมเข้าใจว่านักศึกษาเห็นเหตุการณ์ที่เขาเอาเชือกลากคอจากตึกนิติศาสตร์ลงมากลางสนามหลวง เห็นการฆ่ากัน ทุกคนยอมดีกว่าจะถูกลากคอแบบนั้น แล้วก็เห็นพวกนักศึกษาที่ถูกยิงตายในธรรมศาสตร์

คำถาม –                       คุณลุงเห็นมั้ยคะว่าเขาเก็บศพไว้ที่ไหน ด้วยวิธีการอะไร ใครเป็นคนเก็บศพไป

คุณสุชาติ –                    ไม่รู้ พอหลังจากที่นักศึกษาขึ้นรถแล้ว เอารถเมล์ขาวมารับนักศึกษาผมกลับออกมาตอนนั้นในขณะที่นักศึกษาขึ้นรถแล้ว คนยังไประดมขว้างปานักศึกษาอยู่ในรถ พวกนักศึกษาที่อยู่บนรถต้องหลบ

คำถาม –                       แล้วพวกตำรวจห้ามมั้ยครับ

คุณสุชาติ –                    ไม่เห็นว่าตำรวจห้ามอะไร หรือทำอะไร ตามที่เราเห็นที่สนามฟุตบอลตำรวจก็ยังไปทำร้ายนักศึกษา ยังไปเก็บแว่นตา ไปดึงออกจากตานักศึกษา แล้วเอามากระทืบแล้วหยิบมาเป็นพวงถือไว้เป็นพวงเลย เราเห็นแล้วก็รู้สึกทุเรศ ไอ้ภาพที่เอาสันปืนกระแทกปากนักศึกษามันยังติดตาผมทุกวันนี้

คำถาม –                       ในเหตุการณืนั้นมีทหารมั้ยครับ

คุณสุชาติ –                    มีทหารคือ คนที่แบกปืนร้ายแรงสะท้อนเข้าไปที่เป็นปืนของทหาร ปืนกระบอกใหญ่ครับ ต้องใช้คนแบก แต่เขาจะบรรจุกระสุนจริงหรือเปล่าไม่ทราบ

คำถาม –                       แล้วพอจะทราบมั้ยว่าเป็นทหารจากหน่วยไหน กองไหน และกี่คน

คุณสุชาติ –                    ก็เยอะนะ แต่งชุดทหาร

คำถาม –                       แล้วตำรวจที่เห็นคิดว่ามาจากหน่วยไหน

คุณสุชาติ –                    ไม่ทราบว่ามาจากหน่วยไหน

คำถาม –                       และถ้าจะประเมิณสถานการณ์ คุณลุงคิดว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปรักษาความสงบ หรือเข้าไปก่อเหตุการณ์นองเลือด

คุณสุชาติ –                    เข้าไปปราบปรามครับ

คำถาม –                       เวลาที่เจ้าหน้าที่รัฐไปปราบปราม คือเขาจะปราบปรามผู้ที่ก่อกบฎ นักศึกษาก่อกบฎมีมั้ยครับตอนนั้น

คุณสุชาติ –                    ก่อนที่นักศึกษาจะยอมจำนนในธรรมศาสตร์นะตายไปหลายคนแล้ว นักศึกษายอมจำนนแสดงว่าเขาไม่อยากจะตาย ไม่อยากจะเจ็บ อาวุธมีก็สู้ไม่ได้ ยอมจำนนดีกว่า เสียงปืนดังตลอดเวลา รอบไปทุกด้าน เว้นด้านเดียวคือ แม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนหน้าจะถึงวันที่ 5 ตุลาคม วันทื่ 2 ตุลา – 3 ตุลา เดือนตุลาคมเป็นฤดูฝน ผมเข้าใจว่ามีการทำฝนเทียมเพื่อให้ฝนตก จะได้ต้อนนักศึกษาเข้าไปในธรรมศาสตร์ มีคนไปปล่อยข่าวว่ามีงูหลาม เพราะว่ามีคนที่ไม่ต้องการให้คนมาชุมนุมกันมากเพราะประชาชนที่มาให้กำลังใจนักศึกษามีเยอะ แม้กระทั่งการตั้งเวทีของฝ่ายตรงข้ามนักศึกษาไม่มีใครเข้าไปฟัง เค้าจะมาฟังนักศึกษา

คำถาม –                       คุณลุงคิดว่ามีใครหนุนหลังนักศึกษามั้ยคะ และนักศึกษาได้ทำอะไรที่ไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมืองตามีที่ทางการเขาบอก

คุณสุชาติ –                    อันนี้ชัดเจนเลย อยากจะกล่าวถึงพวกกระทิงแดง ก่อตั้งโดย พันเอกสุดสาย เทพหัสดิน กระทิงแดงตั้งกั้นมาหลังจาก เหตุการณ์ 14 ต .ค. เพื่อจะเอาเป็นฝ่ายที่ทำลายนักศึกษาเกิดจากพวกนักศึกษาอาชีวะศึกษา ซึ่งไม่สามารถจะสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้ นักเรียนอาชีวะศึกษาที่มีชื่อเสียงในตอนนั้นคือ วิทยาลัยก่อสร้างดุสิต ที่มีนักศึกษาเกเรตีกันบ่อย ๆ  พันเอกสุดสายได้ไปเอาพวกนี้มาเป็นพวกนี้มาเป็นกระทิงแดง รังแก ขว้างระเบิด แต่ระเบิดได้ระเบิดก่อนขว้างมือขาด ตำรวจก็จับได้แต่ก็ปล่อย ทีหลัง ไม่ได้ลงโทษอะไรเลย ปล่อยหมด ถ้ามีบัตรกระทิงแดงพวกกระทิงแดง จะมีบัตรพกอาวุธได้ แล้วในสมัยนั้นระเบิดจะดังตลอด ใน กทม.

คำถาม –                       คือคุณลุงมองว่า ไม่มีใครหนุนนักศึกษาในการต่อต้านถนอม แต่ว่า ในส่วนของนักเรียนอาชีวะมีคนหนุนหลัง

คุณสุชาติ –                    ครับ มีการจัดตั้งเป็นหน่วยกระทิงแดงขึ้นมา เอานักเรียนอาชีวะที่เกเรเอามาเพื่อทำลายนักศึกษา ทำลายพลังนักศึกษา

คำถาม –                       แล้วตอนแรกที่ใช้คำว่าประชาชน คุณลุงหมายความว่าลูกเสือชาวบ้านแล้วก็มีการจัดตั้งประชาชนให้มาทำลายนักศึกษาใช่มั้ยคะ คุณลุงวิเคราะห์ว่าพวกไหนที่ทำเรื่องพวกนี้

คุณสุชาติ –                    ลูกเสือชาวบ้านที่มีนายตำรวจคนหนึ่งเป็นยศพลตำรวจตรี เป็นตำรวจตระเวนชายแดน พลตำรวจตรี สมควร ทรีกุล เป็นคนที่เร่งให้ชาวบ้านมาอบรมลูกเสือชาวบ้าน แล้วก็พูดกับชาวบ้านที่มาอบรมว่าลูกเสือชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง ลูกเสือชาวบ้านนี้ตั้งขึ้นเพื่อจะต่อต้านคอมมูนิสต์

คำถาม –                       ชื่อพวกนี้คุณลุงได้มาจากไหน จากการอ่านหนังสือพิมพ์

คุณสุชาติ –                    จากหนังสือพิมพ์ เพราะเป็นคนอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวันจนบัดนี้

คำถาม –                       ใคร ๆ ต่อใครที่คุณลุงบอกว่ามาทราบทีหลังคุณลุงติดตามด้วยความสนใจ

คุณสุชาติ –                     ครับ ติตามด้วยความสนใจ แม้กระทั่งตัวเองยังเคยถูกจับ หลังจากเป็นรัฐบาลหอยแล้วผมไม่เคยมีประวัตินะ แต่คุณภาณุมีและมีเหตุการณ์อะไรเขาจะห้ามออกจากบ้าน ผมยังขับแท็กซี่ และเมื่อขับแล้วผมก็จะไปพักที่บ้าน คุณภาณุ เวลากลางวัน ทานข้าว ทานน้ำ เสร็จก็ไปนั่งที่นั่นสักพักหนึ่ง ตำรวจกำลังค้นบ้านภาณุอยู่ แล้วผมก็โดนจับ

คำถาม –                       อันนี้เกิดหลัง 6 ตุลา ประมาณเดือนอะไรคะ

คุณสุชาติ –                     คือตอนนั้นเป็นรัฐบาลหอยแล้ว

คำถาม –                       ต่อหลังจากหลังจาก 6 ตุลา แล้ว ยังมีกระบวนการคุกคาม สิทธิ เสรีภาพ ของประชาชน

คุณสุชาติ –                    ผมไปโดนจับที่บ้านคุณภาณุ ก็ส่งตัวมาที่โรงพักนางเลิ้ง ก็ถามว่าบ้านอยู่ที่ไหนก็พามาที่บ้านที่ห้วยขวาง ก็มาค้นที่บ้านห้วยขวางบ้านผมก็แคบ ๆ และหนังสือที่คุณภาณุเข้าไปจีนแดงมา เขามีหนังสือมา เป็นพวกหนังสือ ไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองเลย ภาณุเขาฝากไว้เขาบอกเขาเสียดายหนังสือ เสียดายมากมีคนฝากไว้แม้กระทั่งที่พี่ชายภรรยาผม พันตำรวจเอกประกิต เปรมกิตติ นั่นก็เป็นคนสนับสนุนอยู่ เขาก็ได้ไปสันติบาลด้วย คุณภาณุก็โทรศัพท์ไปที่สันติบาล เขามีพรรคพวกอยู่ที่สันติบาล

คำถาม –                       คุณลุงถูกจับเรื่องอะไรทำไมเขาต้องถึงมาตามจับ

คุณสุชาติ –                    เขาไม่ได้เจอคุณภาณุ บังเอิญผมไปแล้วชาวบ้านแถวนั้นเป็นว่าผมไปที่บ้านคุณภาณุบ่อย ๆ  เขาบอกว่าคน ๆ นี้เมื่อเช้าเพิ่งมาขนเอกสารไป สองเที่ยว สามเที่ยว แต่ความจริงไม่ได้ไปเลย ผมด้วยความบริสุทธิ์ใจเพราะไม่มีประวัติอะไรเลย ก็เดินเข้าไปดูตอนเค้าค้นบ้านคุณภาณุ ไปถึงหน้าบ้าน พบเขาเคยเป็ตำรวจที่นางเลิ้ง (ชื่อสารวัตรเสน)  ชาวบ้านก็บอกว่าพรรคพวกเขามาแล้ว ตำรวจก็จับผมเข้าไปในบ้าน ภรรยาคุณภาณุ ซึ่งรู้ว่าคุณภาณุหนีก็ส่งข่าวว่าผมถูกจับ คุณภาณุก็รู้ว่าผมถูกจับไปที่สันติบาลก็โทรศัพท์ไปบอกเพื่อนที่สันติบาล ที่สันติบาลเขาก็เอาผมสอบปากคำว่าเคยไปภาคอีสานบ้างหรือเปล่า ไปภาคใต้บ้างหรือเปล่า สอบแล้ว ไม่มีประวัติ เขาก็ปล่อย ผมไม่ใช่คนประเภทนั้น แต่คุณภาณุ เขามีประวัติ

คุณสุชาติ –                    นวพล นั้นประชุมกันครั้งแรกที่วัดราชบพิธ ตอนนั้นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธเป็นเจ้าสังฆราช ประชุมกัน 9 คน ในโบสถ์วัดราชบพิธ ประชุมตั้งหน่วยนวพล ก็มี กิตติ  วุฒิโท, ดร. วัฒนา  เขียววิมล ที่จำได้กับเจ้าอาวาสวัดที่เป็นสังฆราช ตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านคอมมูนิสต์ ก็เลยฮือว่า นว แปลว่า เก้า …….. จิตตภาวันที่บางละมุข

ตอนสมัยรัฐบาลหอย พ. ศ. 2520  หรือ 2521 กิตติ วุฒิโท ที่ทอดผ้าป่าไปที่อรัญประเทศ ในขบวนผ้าป่ามีอาวุธด้วย เอาไปทอดผ้าป่าที่ชายแดนเขมร แล้วถูกตำรวจจับได้ แล้วแจ้งมาทางรัฐบาล ทางรัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ผ้าป่าอาวุธอันนี้เปิดเผยโดยหนังสือพิมพ์อาทิตย์รายสัปดาห์ ผมไปติดตามอ่านหนังสือพิมพ์อาทิตย์เป็นประจำ

กิตติ วุฒิโท มีวัดอยู่ติดทะเล อาวุธมาจากไหนก็ขึ้นที่นี่แล้วเอาไปทอดผ้าป่า กิตติ วุฒิโทมีส่วนครับ ในอาวุธที่เอาไปช่วยเขมรรบกับพรรคคอมมูนิสต์ อาวุธมาจากประเทศไทย เรื่องนั้นก็ปรากฎว่าเงียบไป

คำถาม –                       กิตติ  วุฒฺโทและนวพล มีส่วนเกี่ยวข้องกับ 6 ตุลาคม อย่างไรบ้าง

คุณสุชาติ –                    ทั้งนวพล ทั้งกระทิงแดง ทั้งลูกเสือชาวบ้าน มีส่วนที่มาทำลายนักศึกษา เพราะว่าเอาเรื่องคอมมูนิสต์มาเป็นข้ออ้าง คิดว่านักศึกษาพวกนี้เป็นคอมมูนิสต์ จะมาทำลาย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์